นับจากวันพฤหัสฯ ที่ 22 กรกฎาคม 2021 เป็นต้นไป เมืองพาซาดีน่า จะบังคับให้ประชาชนทุกคนใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ภายในอาคารสถานที่สาธารณะ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วหรือไม่ก็ตาม

โดยเทศบาลเมืองพาซาดีน่า ได้ออกคำสั่งดังกล่าว หลังจากที่มีการเพิ่มขึ้นจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 และจำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพิ่มมากขึ้น ทั้งในเขตเทศบาลเมืองพาซาดีน่าและในเขตลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ 

“นับจากวันที่ 15 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันที่มาตรการควบคุมทุกอย่างของรัฐได้ถูกยกเลิก จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยต่อวันในเขตเมืองพาซาดีน่า ได้เพิ่มขึ้นมากถึง 586 เปอร์เซ็นต์ จนถึงระดับ “รุนแรง” หรือ ‘substantial transmission’ ตามดัชนีของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) แล้ว” เอกสารของเทศบาลเมืองพาซาดีน่า ระบุ และว่าอัตราการตรวจเชื้อที่เป็นบวกในเขตเมืองพาซาดีน่า ก็ถือว่า “รุนแรงมาก” เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรในพื้นที่

การออกระเบียบบังคับประชาชนให้ใส่หน้ากากขณะอยู่ภายในอาคารสถานที่สาธารณะของเมืองพาซาดีน่านี้ เกิดขึ้นหลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขของ แอลเอ เคาน์ตี้ ได้ออกคำสั่งในลักษณะเดียวกันไปแล้ว โดยมีผลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่คำสั่งของแอลเอ เคาน์ตี้ ไม่มีผลกับพาซาดีน่า (และลองบีช) แม้จะอยู่ภายในเคาน์ตี้ของแอลเอก็ตาม ทั้งนี้เพราะทั้งสองเมืองมีสำนักงานสาธารณสุขของตนเอง

โดยเทศบาลเมืองพาซาดีน่า ระบุชัดเจนว่าสาเหตุที่การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มสูงขึ้นเช่นนี้มาจากความรุนแรงของโควิด-19 สายพันธ์ุเดลต้า พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยเร็วด้วย

ทั้งนี้ คำสั่งของเมืองพาซาดีน่า บอกว่าประชาชนทุกคนจะต้องใส่หน้ากากอนามัยขณะอยู่ภายในสถานที่สาธารณะ รวมถึงสำนักงาน ร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต โรงภาพยนตร์ ยิมและฟิทเนส และสถานที่ทำงานของรัฐบาลท้องถิ่น อีกทั้งต้องใส่หน้ากากในร้านอาหาร บาร์ ผับ โรงเบียร์ ขณะที่ไม่ได้รับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มด้วย

อย่างไรก็ตาม เมืองพาซาดีน่าไม่บังคับให้ใส่หน้ากากหากอยู่ในงานปาร์ตี้ส่วนตัว แม้จะจัดภายในอาคารก็ตาม

โดย ณ วันพุธที่ 21 กรกฎาคม สำนักงานสาธารณสุขของแอลเอ เคาน์ตี้ แถลงว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มากถึง 2,551 ราย ถือว่าเพิ่มขึ้นกว่า 20 เท่าเมื่อเทียบกับ 124 รายของวันที่ 21 มิถุนายน ที่ผ่านมา.