หลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศกร้าวว่าจะทำการจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีกครั้ง ตั้งแต่วันที 1 กันยายนที่จะถึงนี้ในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มสินค้าตามที่ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศ มีมูลค่ากว่า 300 ล้านดอลลาร์นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ได้แถลงข่าวการชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนตามคำประกาศของประธานาธิบดีทรัมป์ ออกไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับการชะลอการจัดเก็บภาษี ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่นบางชนิด จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้าบางประเภท
พร้อมกันนี้ USTR ได้ประกาศถอดสินค้าบางประเภทออกจากบัญชีรายการสินค้าของจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่ด้วย โดยให้เตุผลว่าเกี่ยวกับสุขภาพ, ความปลอดภัย และความมั่นคงแห่งชาติ แต่ขณะนี้ยังไม่มีรายละเอียดว่าเป็นสินค้าชนิดใดบ้าง
การประกาศดังกล่าวของ USTR มีขึ้นในวันนี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีกำหนดเจรจาการค้าในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า
วันเดียวกัน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาชี้แจงว่า การที่เขาตัดสินใจชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธันวาคม เนื่องจากไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของชาวสหรัฐในช่วงเทศกาลคริสต์มาส
ต่อมา นายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า การที่สหรัฐตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีต่อสินค้าบางรายการที่นำเข้าจากจีน ไม่ได้มีสาเหตุจากการที่สหรัฐยอมอ่อนข้อ โดยมีการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับจีน แต่เป็นเพราะรัฐบาลต้องการช่วยเหลือผู้บริโภคชาวอเมริกัน
"ไม่มีใครอยากทำลายบรรยากาศในช่วงคริสต์มาส และสิ่งนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องยื่นหมูยื่นแมวในการเจรจาทางการค้ากับจีน" นายรอสส์กล่าว
นอกจากนี้ นายรอสส์ยังกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ตัดสินใจชะลอการขึ้นภาษีสินค้าจีนในครั้งนี้ ไม่ใช่เพื่อต้องการสกัดการดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทแต่อย่างใด.
.
.