อเมริกาและแคลิฟอร์เนีย
บทความหน้าสาม : ชะตาการเมือง ทรัมป์ หลังอดีต 2 ทีมงานใกล้ชิดรับผิดคดีฉาว





โดย ปัทมาสน์ ชนะรัชชรักษ์


กระแสคุกรุ่นเขย่าแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ล่าสุด คงหนีไม่พ้นกรณีที่อดีตสองทีมงานใกล้ชิดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องเผชิญกับการดำเนินคดีทางกฎหมายหลายกระทงในวันเดียวกัน อีกทั้งเป็นความผิดที่เกี่ยวโยงมาถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016 ด้วย ซึ่งนั่นทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า มรสุมลูกใหญ่ครั้งนี้จะส่งผลให้ประธานาธิบดีทรัมป์ต้องเข้าสู่กระบวนการ "Impeachment" หรือการถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ หรือไม่

สัปดาห์หายนะของโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา หลังนายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความคู่ใจของเขา และนายพอล มานาฟอร์ต ผู้จัดการแคมเปญหาเสียงของพรรครีพับลิกัน ได้ถูกดำเนินคดีอาญาในวันเดียวกัน จากการยื่นฟ้องของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษที่รับผิดชอบคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อปี 2016

นายพอล มานาฟอร์ต อดีตผู้จัดการทีมหาเสียงของทรัมป์ ถูกศาลรัฐเวอร์จิเนียตัดสินจำคุกในข้อหาพยายามก่อกวนพยานในคดีที่รัสเซียถูกกล่าวหาว่าอาจมีส่วนก้าวก่ายการเลือกตั้งสหรัฐฯ อีกทั้งยังถูกยื่นฟ้องในข้อหาฟอกเงินและฉ้อโกงอีกหลายคดี ส่งผลให้นายมานาฟอร์ตถูกกักบริเวณ ติดอุปกรณ์ติดตามตัว และอาจจะต้องจำคุกอีกหลายสิบปี ซึ่งนายมานาฟอร์ตถือเป็นผู้ต้องหารายแรกที่ถูกดำเนินคดีจากการสืบสวนของนายโรเบิร์ต มุลเลอร์

แต่วาระกรรมของทรัมป์ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากนั้นเพียงอีกไม่กี่นาที นายไมเคิล โคเฮน ก็ได้ออกมารับสารภาพกับศาลนิวยอร์คว่า เขาได้ทำความผิดคดีอาญา 8 คดี โดยมี 2 คดีที่เกี่ยวข้องกับการฝ่าฝืนกฎหมายเงินทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งโคเฮนได้นำเงินไปจ่ายให้กับคาเรน แมคโดกัล อดีตนางแบบนิตยสารเพลย์บอย และสตอร์มี เดเนียลส์ ดาราหนังผู้ใหญ่ เพื่อเป็น "ค่าปิดปาก" ว่าทั้งสองสาวเคยมีสัมพันธ์สวาทกับทรัมป์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาเพียงไม่กี่วันก่อนที่สหรัฐฯ จะเปิดฉากการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2016 เพื่อเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ให้กับว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันนั่นเอง

แน่นอนว่าการใช้เงินดังกล่าวเป็นการละเมิดกฏหมายเงินทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้งของสหรัฐฯ ซึ่งห้ามไม่ให้มีการบริจาคหรือรับเงินบริจาคเงินเกิน 2,700 ดอลลาร์ต่อครั้ง โดยนายโคเฮนได้จัดตั้งบริษัท Essentail Consultants LLC ขึ้นมาบังหน้า เพื่อจ่ายเงินให้เดเนียลส์ถึง 130,000 ดอลลาร์ และได้ขอให้ National Enquirer จ่ายเงินให้กับคาเรน แมคโดกัลอีก 150,000 ดอลลาร์ แต่ฝ่ายทรัมป์ก็ได้ออกมาโต้แย้งว่า เงินดังกล่าวเป็นเงินส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับกองทุนเพื่อการหาเสียงเลือกตั้ง เพราะฉะนั้น เขาไม่ได้ทำผิดกฎหมายการเลือกตั้งใดๆ

ทว่า... เรื่องราวต่างๆ ยังไม่จบลงง่ายๆ เพราะต่อมาในวันศุกร์ นายอัลเลน ไวส์เซลเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของทรัมป์ ออแกร์ไนเซชั่น ซึ่งทำงานกับทรัมป์มายาวนานชนิดรู้ตื้นลึกหนาบางของทรัมป์เป็นอย่างดี ก็ได้รับสิทธิคุ้มครองจากพนักงานอัยการสหรัฐฯให้สามารถพูดถึงคดีของนายโคเฮนได้อย่างอิสระ ซึ่งถึงแม้ทีมทนายความของทรัมป์จะยืนยันว่าพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่หากสิทธิคุ้มครองดังกล่าวเปิดโอกาสให้นายไวส์เซลเบิร์กสามารถพูดสิ่งที่เขารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับการเงินของทรัมป์... ก็อาจเป็นข่าวใหญ่ได้ในสัปดาห์นี้เลยทีเดียว

คดีความในครั้งนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างที่ทรัมป์เคยรอดตัวมาแล้วหลายครั้ง ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์กันว่า หากพรรคเดโมแครตสามารถชิงเสียงข้างมากได้ในการเลือกตั้งกลางเทอม ซึ่งจะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 6 พ.ย.นี้ โอกาสที่จะมีการผลักดันกฎหมาย Impeachment เพื่อขับทรัมป์ออกจากตำแหน่ง... ก็คงจะมีอยู่ไม่น้อย

ทรัมป์เองก็คงรู้ตัวดีว่าตนเองตกที่นั่งลำบาก แต่นี่คือ "ทรัมป์" ชายผู้ไม่เคยยอมแพ้ใคร เขาจึงออกมาประกาศกร้าวหลังเกิดเรื่องราวกับคนใกล้ชิดว่า "ไล่ผมออกสิ แล้วดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น!"

"ผมจะบอกคุณให้นะ ถ้าผมถูกถอดออกจากตำแหน่งจริง ตลาดหุ้นจะต้องพังพินาศ คนอเมริกันจะต้องจนลงอีก แล้วคุณจะได้เห็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ตัวเองจะคาดไม่ถึงเลยทีเดียว"

แม้คำว่า Impeachment จะเข้ามากระทบหูนักลงทุนอยู่บ่อยๆ ในช่วงนี้ และตลาดหุ้นก็อาจจะร่วงหนักจริงก่อนหน้านี้อย่างที่ทรัมป์ขู่ไว้ แต่คำว่า "พังนินาศ" ก็อาจจะฟังดูเกินจริงไปสักหน่อย

เพราะข้อเท็จจริงมีอยู่ว่า เศรษฐกิจของสหรัฐฯ นั่นแข็งแกร่งมาก แถมผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนต่างๆ ก็กำลังเติบโตงอกงาม ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคลของรัฐบาลทรัมป์ และหากทรัมป์ต้องลงจากตำแหน่งจริง รองประธานาธิบดีอย่างนายไมค์ เพนซ์ ก็พร้อมที่จะเข้ามาซัพพอร์ตนโยบายเดิมของพรรครีพับลิกันในทันที ทำให้มีหลายคนพูดติดตลกว่า อาจจะดีกว่าทรัมป์เสียอีก เพราะปัญหาวุ่นวายเรื่องสงครามการค้าจะได้จบลงเสียที

ด้านนายเอ็ด ยาร์เดนี ประธานฝ่ายที่ปรึกษาด้านการลงทุนของ Yardeni Research กล่าวว่า "ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ และผมก็ไม่คิดว่าตลาดหุ้นจะพังนินาศอย่างที่เขากล่าว"

ด้านวอลล์สตรีทก็ดูเหมือนจะไม่สะทกสะท้านกับดราม่าการเมืองครั้งใหญ่นี้ โดยเห็นได้ชัดเจนว่าตลาดมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หรือเป็นเวลาเพียงหนึ่งวันหลังจากที่นายโคเฮนและนายมานาฟอร์ตรับสารภาพผิดกับศาล ซึ่งในขณะที่โลกการเมืองกำลังปั่นป่วนนั้น… นักลงทุนกลับอยู่กันอย่างชิล ชิล โดยเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลงเพียง 88.69 จุด หรือ -0.34% เท่านั้นเอง

"ตลาดดูเหมือนจะไม่แคร์ข่าวนี้เท่าไร" นายอีเวน เฟนเซทธ์ หัวหน้ากลยุทธ์การตลาดของ Tigress Financial Intelligence กล่าว "ตลาดดูเหมือนว่าจะเพิกเฉยต่อสงครามน้ำลายของทรัมป์ กับความคิดเห็นไร้สาระของเขา"

คำถามนี้คงจะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจทุกคนมาทั้งสัปดาห์ ไม่เว้นแม้แต่ตัวทรัมป์เองที่มีชนักติดหลังอยู่หลายคดี

สื่อหลายเจ้าวิเคราะห์กันว่า หากพรรคเดโมแครตได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งกลางเทอม โอกาสที่พรรคเดโมแครตจะใช้คดีนี้มาเป็นตัวผลักดันกฏหมาย Impeachment คงเป็นไปได้แน่นอน ถึงขนาดที่นายมิเชล คาปูโต อดีตที่ปรึกษาทีมหาเสียงของทรัมป์ออกมาเปิดใจกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นว่า "นี่คือสิ่งที่พรรคเดโมแครตต้องการ เพื่อถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง"

นายคาปูโดกล่าวว่า "หากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งช่วงกลางเทอม คดีของนายโคเฮนก็เพียงพอที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการผลักดันกฎหมาย Impeachment ตั้งแต่ไตรมาสแรก"

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังระบุอีกด้วยว่า เลือกตั้งกลางเทอมครั้งนี้จะเป็นตัวชี้ชะตาว่า บรรดาผู้ลงคะแนนเสียงจะสนับสนุนการ Impeachment หรือไม่ เพราะหากหากเสียงส่วนใหญ่โหวตให้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในสภา ก็แสดงว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการ Impeachment แต่หากเสียงส่วนใหญ่โหวตให้พรรคเดโมแครตเป็นผู้ชนะ ก็เห็นได้ชัดเจนว่า พวกเขาสนับสนุนให้มีการปลดทรัมป์ออกจากตำแหน่งจริงๆ ส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเกี่ยวพันกับ Impeachment อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่า พรรคเดโมแคตรอยากจะผลักทรัมป์ให้คว่ำลงจากเก้าอี้ประธานาธิบดีมากเพียงใด เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่าทรัมป์ทำความผิดอยู่หลายคดี ซึ่งรวมถึงการเปิดช่องให้รัสเซียเข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้งในปี 2016 โดยเมื่อปีที่แล้ว สมาชิกสภาคองเกรสจำนวน 58 รายได้สนับสนุนคำร้องของนายอัล กรีน ส.ส.จากพรรคเดโมแครตที่เสนอให้ถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่งมาแล้วครั้งหนึ่ง

แต่กระนั้น ก็มีนักวิเคราะห์อีกฝั่งที่มองว่า โอกาสที่พรรคเดโมแครตจะเล่นงานทรัมป์คงมีต่ำกว่า 50% เพราะแม้แต่เอลิซาเบธ วอร์เรน วุฒิสมาชิกรัฐแมสซาชูเซตส์จากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นคู่กัดตลอดกาลของทรัมป์ กลับพยายามหลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นในประเด็น Impeachment กับสื่อ เพราะเมื่อนักข่าวถามเขาว่า "พรรคเดโมแครตจะยกประเด็นเรื่อง Impeachment มาหารือกันหรือไม่" วอร์เรนกลับตอบเลี่ยงไปว่า  "สิ่งที่สภาคองเกรสควรต้องทำ คือการสร้างหลักประกันว่าคุณมุลเลอร์จะได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้ประธานาธิบดีทรัมป์สามารถไล่เขาออกได้" ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐฯ อเมริกากล่าวว่า "การถอดถอนประธานาธิบดี ทรัมป์ไม่ใช่ประเด็นสำคัญของชาวพรรคเดโมแครต"

แม้สัปดาห์ "หายนะ" ในชีวิตการเป็นประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ จะผ่านพ้นไปแล้ว แต่เราก็คงจะต้องจับตาดูกันต่อไปว่า การเลือกตั้งกลางเทอมในเดือนพฤศจิกายนนี้ จะเป็นตัวชี้ชะตาว่า ทรัมป์จะ "อยู่" หรือ "ไป" อย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้จริงหรือไม่ ...


 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




  • ¤ÇÒÁ¤Ô´àËç¹·Õè : 1

มันคืองาน ของเแฝดโม. จริงๆ. นาง ฮิลด็โกง นายดำก็โกง. ผู้นำ เอฟบี ยิ่งหนัก โกงกัน จนจะไม่เหลือ อเมริกา 🇺🇸 ให้เหลือเป็นประเทศอยู่แล้ว พอทรั้ม เข้ามากอบกู้ มันก็ทำทุกวิถีทาง ที่จะโค่นล้ม รัฐบาลทรั้ม ให้ได้ โดยไม่คำนึงถึงผลของการกระทำแม้แต่น้อย..เอาเหอะถ้า เดโม ชนะก็แสดงว่า หายะนะ ของ อเมริกาได้มาถึงแล้ว..เตรียมตัวให้พร้อม ...อเมริกา กำลัง ตาม เวเนซุเอลา มาติดๆ...เหอ เหอ เหอ

  • ¼ÙéÊè§: Nopchai
  • 65.34.134.140 Aug 31, 2018 @06:51 PM
ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข