แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ถึงยอดเงินชดเชยความเสียหายที่ ลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ ต้องจ่ายให้กับบรรดา “โจทก์” ในคดีฟ้องร้องต่างๆ ตลอดปีงบประมาณ 2016-2017 ว่าสูงถึง 145.5 ล้านดอลลาร์ หรือสูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมาถึง 10 เปอร์เซ็นต์

โดยยอดเงินก้อนใหญ่ที่สุดที่แอลเอ เคาน์ตี้ ต้องจ่าย คือ 10.1 ล้านดอลลาร์ เพื่อ “ยอมความ” ในคดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากความผิดพลาดของกระบวนการยุติธรรม เป็นเหตุให้ชายผู้บริสุทธิ์ต้องติดคุกนานถึง 20 ปีจากคดีฆาตกรรมที่เขาไม่ได้ก่อ และการยอมความที่ “แพง” เป็นอันดับสอง คือ 4.5 ล้านดอลลาร์ ที่แอลเอ เคาน์ตี้ (โดยสำนักงานเขตดูแลน้ำท่วม หรือ the Flood Control District) ยินยอมจ่ายให้กับองค์กร เอ็นจีโอชื่อ the Natural Resources Defense Council ฐานละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลางว่าด้วยน้ำสะอาด (clean water laws) เพราะปล่อยให้มลพิษปริมาณมากไหลลงสู่ชายทะเลและแหล่งรับน้ำต่างๆ

อันดับสาม คือยอดเงินจำนวน 3.5 ล้านดอลลาร์ สำหรับชดเชยค่าเสียหายให้กับคนไข้ของโรงพยาบาลของเคาน์ตี้ ที่ได้รับบาดเจ็บที่สมองเพราะความผิดพลาดของแพทย์ ระหว่างรับการรักษาอาการติดเชื้อ  และอันดับสี่ คือยอดเงิน 3 ล้านดอลลาร์ เพื่อยอมความคดีสภาพถนนที่เป็นอันตราย (dangerous roadway conditions) เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตถรถยนต์ และเป็นเหตุให้โจทก์ ได้รับผู้บาดเจ็บสาหัสถึงขั้นเป็นอัมพาต

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจำนวนเงินที่เคาน์ตี้ ต้องจ่ายเพื่อชดใช้ความผิดพลาดต่างๆ จะมากขึ้น แต่จำนวนคดีฟ้องร้องกลับลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่สอง และลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา กล่าวคือมีเพียง 707 คดี เทียบกับ 749 คดีของปีงบประมาณที่ผ่านมา

ในส่วนของสำนักงานเชอรีฟของแอลเอ เคาน์ตี้ ซึ่งเป็นสำนักงานที่ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายมากที่สุดนั้น ตัวเลขคดีฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ (excessive-force) ลดลง 40 เปอร์เซ็นต์ และคดีที่เกี่ยวกับการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่เชอรีฟ ลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ โดยตลอดปีงบประมาณที่ผ่านมา สำนักงานเชอรีฟของแอลเอ เคาน์ตี้ ถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทั้งสิ้น 189 คดี ซึ่งข่าวอ้างคำกล่าวของ สตีฟ โรเบิลส์ ผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานการบริหารความเสี่ยง ของแอลเอ เคาน์ตี้  ว่า เป็นผลมาจากนโยบายใหม่ และการเปลี่ยนแปลงในส่วนของการบริหาร ที่ใช้คดีการฟ้องร้องในปีที่ผ่านๆ มาเป็นกรณีศึกษา

อย่างไรก็ดี สำนักงานเชอรีฟของแอลเอ เคาน์ตี้ ยังคงเป็นองค์กรที่ทำให้ เคาน์ตี้ ต้องจ่ายเงินจากคดีฟ้องร้องมากที่สุดในปีงบประมาณที่ผ่านมา คือ 68.6 ล้านดอลลาร์ ทั้งจากการยอมความ และการจ่ายชดเชยตามคำสั่งศาล

โดยยอดเงิน 145.5 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นเงินที่เคาน์ตี้ ต้องจ่ายในคดีฟ้องร้องต่างๆ ตลอดทั้งปีนั้น แยกเป็นสองส่วน คือ 79.3 ล้านดอลลาร์ เป็นเงินที่เคาน์ตี้ต้องจ่ายทั้งจากการแพ้คดี (12) คดี และการยอมความ 242 คดี ซึ่งยอดเงินก้อนนี้ สูงกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา 11 เปอร์เซ็นต์ โดยยอดเงินของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 71.3 ล้านดอลลาร์ ส่วนที่เหลืออีก 66.1 ล้านดอลลาร์นั้น ข่าวบอกว่าเป็นเงินที่เคาน์ตี้ ต้องจ่ายเป็นค่าทนายความ (attorney fee) โดยค่าใช้จ่ายในส่วนนี้สูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา 9 เปอร์เซ็นต์.