เหตุการณ์ดินโคลน หินและเศษซากต้นไม้ไหลบ่าจากภูเขา เข้ามาถล่มเมืองมอนเทซิโต้ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากไฟป่า “โทมัสไฟร์” ในซานตา บาร์บาร่า เคาน์ตี้ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.ของวันอังคารที่ 9 มกราคม หลังจากมีฝนตกอย่างหนักในบริเวณดังกล่าวต่อเนื่องหลายชั่วโมง เป็นเหตุให้บ้านเรือนหลายหลังพังทลาย โดยบ้านบางหลังลอยไปกับดินโคลน ก่อนพังทลายเป็นชิ้นๆ ห่างจากจุดเดิมมากกว่าครึ่งไมล์

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เจอร์รี่ บราวน์ แถลงถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โคลนถล่มหลังเสร็จสิ้นการค้นหาเมื่อเย็นวันพุธที่ 10 มกราคม ว่าอยู่ที่ 17 คน โดยในวันดังกล่าวยังไม่มีการชี้ตัวว่าผู้เสียชีวิตเหล่านี้คือใคร โดยผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียบอกแต่เพียงว่าส่วนหนึ่งของผู้เสียชีวิตเป็นเด็ก

นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 28 คน มีผู้ที่สูญหายอีก 17 คน ส่วนบ้านเรือนที่ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงมีประมาณ 100 หลัง อาคารพาณิชย์ถูกทำลาย 8 หลัง บ้านเรือนอีกประมาณ 300 หลังได้รับความเสียหาย

ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย บอกด้วยว่าได้ประกาศให้มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนจะเกิดเหตุการณ์โคลนถล่ม โดยมีผู้อพยพออกจากพื้นที่อย่างน้อย 7,000 คน ไม่เช่นนั้นเหตุการณ์โคลนถล่มครั้งนี้จะกลายเป็นโศกนาฎกรรมที่น่าสลดใจมากกว่านี้

ข่าวบอกว่าจนถึงวันพุธ ยังคงมีพื้นที่อีกกว้างขวางที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปสำรวจได้ ดังนั้นจึงเกรงว่ายอดผู้เสียชีวิตจะยังคงเพิ่มจากนี้อีกพอสมควร ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับประชาชนในเมืองนี้ ซึ่งเพิ่งผ่านความเสียหายรุนแรงมาหมาดๆ จากไฟป่าร์ “โทมัส ไฟร์” อันถือเป็นส่วนหนึ่งของไฟป่าครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของรัฐแคลิฟอร์เนีย

เหตุการณ์โคลนถล่มครั้งนี้ มีเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงานระดมกำลังเข้าช่วยเหลืออย่างเต็มที่ รวมถึงหน่วยดับเพลิงจากเมืองรอบๆ ที่ส่งกำลังเข้ามาดูแลพื้นที่มากกว่า 500 นาย บางส่วนเคลียร์พื้นที่ และถนนหนทางที่ถูกโคลนท่วมสูงถึงเอว บางส่วนนำผู้รอดชีวิตส่งโรงพยาบาลหรือสถานที่ปลอดภัยโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ ฯลฯ.