เหตุการณ์ยิงกราดที่งานคอนเสิร์ตที่นครลาสเวกัส รัฐเนวาดา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 59 ราย บาดเจ็บกว่า 500 ราย ถือเป็นการสังหารหมู่โดยมือปืนที่มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน โดยการโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นเวลาประมาณสี่ทุ่มวันอาทิตย์ที่ 1 ตุลาคม 2017 ในเทศกาลเพลงลูกทุ่งชื่อ  Route 91 Harvest Music Festival ซึ่งจัดขึ้นกลางแจ้งบริเวณฝั่งตรงข้ามโรงแรม Mandalay Bay Resort and Casino เป็นงานใหญ่ที่มีผู้เข้าร่วมราว 22,000 คน

ผู้ก่อเหตุคือ นายสตีเฟ่น แพดด็อค (Stephen Paddock) วัย 64 ปี จากเมืองเมสคีท รัฐเนวาดา โดยใช้อาวุธปืนยิงกราดลงมาจากชั้น 32 ของโรงแรม Mandalay Bay เป็นเวลานานกว่าชั่วโมง ก่อนจะยิงตัวตายเมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยสวาท บุกไปถึงหน้าห้อง  โดยจนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถระบุแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายแพดด็อคได้

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่า นายแพดด็อค ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดสองตัวที่หน้าห้องพักบนชั้นที่ 32 ของเขา แสดงว่าได้เตรียมการวางแผนอย่างดีและไตร่ตรองทุกขั้นตอน และนอกจากกล้องวงจรปิดแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพบปืนหลายชนิดในห้องพักมากถึง 23 กระบอก ส่วนที่บ้านพักของเขานั้น เจ้าหน้าที่พบทั้งปืน กระสุน และระเบิด รวมทั้งหมด 47 รายการ รวมถึงมีแอมโมเนียมไนเตรต ที่ใช้ผลิตระเบิดได้อยู่ในรถอีกจำนวนหนึ่งด้วย

เหตุโศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ทำให้ประเด็นกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ซึ่งเป็นที่ถกเถียงอย่างรุนแรงระหวางพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ได้ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรงอีกรอบ รวมถึงกฎหมายควบคุมอุปกรณ์เสริมสำหรับเพิ่มอานุภาพของปืน ที่เรียกว่า bump stock ซึ่งนายแพดด็อค นำมาใช้ในการสังหารหมู่ครั้งนี้ด้วย

โดยเจ้าหน้าที่พบว่าปืนหนึ่งใน 23 กระบอกของนายแพดด็อค ที่พบในห้องพักบนชั้นที่ 32 ของโรงแรมแมนดาเลย์เบย์ ติดตั้ง bump stock ซึ่งสามารถทำให้ปืนกึ่งอัตโนมัติ สามารถยิงได้แบบปืนกลอัตโนมัติ

ทั้งนี้ ปืนกล หรือ fully automatic rifles ถือเป็นอาวุธสงครามที่ถูกควบคุมโดยกฎหมายของรัฐบาลกลางอย่างเข้มงวด และโทษของการมีปืนกลไว้ในความครอบครองนั้นสูงสุดถึงขั้นจำคุกสิบปี แต่ bump stocks ซึ่งช่วยให้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติสามารถยิงได้ถึง 800 นัดต่อนาที กลับสามารถซื้อได้อย่างเสรี

วุฒิสมาชิก ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ (เดโมแครต แคลิฟอร์เนีย) เคยพยายามผลักดันร่างกฎหมาย “แบน” อาวุธสงคราม รวมถึงอุปกรณ์ ump stock เมื่อปี 2013 แต่ความพยายามของวุฒิสมาชิกจากเดโมแครต ครั้งดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา และล่าสุด วุฒิสมาชิก ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ กล่าวว่าเธอจะหยิบยกร่างกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาปัดฝุ่น และผลักดันเข้าสู่สภาอีกครั้ง

เหตุการณ์สังหารหมู่ที่ลาสเวกัสเมื่อคืนวันอาทิตย์ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 59 คน บาดเจ็บอีกมากกว่า 500 คนนั้น นอกจากจะเป็นการสังหารหมู่ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ แล้ว ยังถือเป็นวันที่เศร้าโศกที่สุดของสื่อสังคมออนไลน์ ทวิตเตอร์ (Twitter) ด้วย

ผลการวัดระดับความสุขของผู้ใช้ทวิตเตอร์จำนวนหลายล้านคนจากการโพสต์ข้อความต่างๆ โดยใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Hedonometer ปรากฎว่าดัชนีความสุขของวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม หนึ่งวันหลังจากเกิดเหตุการณ์ที่ลาสเวกัส ตกลงไปอยู่ที่ระดับ 5.77 ซึ่งต่ำที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสถิติตั้งแต่ปี ค.ศ. 2008

โดยสถิติเดิมก่อนหน้านี้ของวันที่โศกเศร้าที่สุด คือ วันที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ที่ออร์แลนโด้ รัฐฟลอริดา ที่มีผู้เสียชีวิต 49 ราย ซึ่งมีดัชนีความสุข 5.84

และวันที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งดัชนีความสุขอยู่ที่ระดับ 5.87

ส่วนวันที่ดัชนีความสุขของผู้ใช้ทวิตเตอร์อยู่ในระดับสูงสุด คือ 6.36 นั้น คือวันคริสต์มาสเมื่อปี ค.ศ. 2008 ซึ่งวัดดัชนีความสุขได้ที่ระดับ 6.36