เอพีรายงานข่าวจากกรุงบูดาเปส ประเทศฮังการี ว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2022 ว่าที่ประชุมสมาพันธ์กีฬาว่ายน้ำโลก หรือ The Federation Internationale de Natation (FINA) ซึ่งเป็นองค์กรระดับโลกที่มีหน้าที่ควบคุมดูแลการแข่งกันกีฬาทางน้ำระดับโลก เช่นว่ายน้ำ กระโดดน้ำ โปโลน้ำ ฯลฯ มีมติเห็นชอบกับนโยบายใหม่เกี่ยวกับเรื่องเพศของนักกีฬา โดยจะอนุญาตเฉพาะนักว่ายน้ำชายข้ามเพศ ที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ลงแข่งในประเภทหญิง
นอกจากนี้ ทาง ฟีน่า ยังเสนอให้มีการแข่งขันกีฬาว่ายน้ำประเภทเปิด หรือ open competition category เพิ่มขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้นักกีฬาทุกเพศสามารถร่วมแข่งขันกันได้ โดยคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้น จะใช้เวลา 6 เดือนในการพิจารณาหาวิธีที่เหมาะสมในการจัดตั้งการแข่งขันหัวข้อนี้
โฆษกของฟีน่า แถลงกับเอพีว่า นโยบายล่าสุดนี้ ไม่ได้มีเจตนากีดกันทางเพศ หรือสนับสนุนให้มีการเปลี่ยนแปลง (transition) ก่อนอายุ 12 ปี แต่เป็นหลักวิทยาศาสตร์ที่ระบุว่าหากการเปลี่ยนแปลงมีขึ้นหลังวัยเจริญพันธุ์ (puberty) คุณจะได้เปรียบทางกายภาพ ซึ่งถือว่าไม่ยุติธรรมสำหรับคู่แข่ง
โฆษกของฟีน่า ยืนยันว่าขณะนี้ ไม่มีนักว่ายน้ำข้ามเพศในการแข่งขันว่ายน้ำหญิงทุกระดับ
ทั้งนี้ ประเด็นที่ทำให้ ฟีน่า ต้องออกนโยบายใหม่ดังกล่าวนี้ มาจากเหตุการณ์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจาก ลีอา โทมัส นักศึกษาของมหาวิทยาลัยเพ็นซิลเวเนีย สร้างประวัติศาสตร์อเมริกา โดยการเป็นนักว่ายน้ำข้ามเพศคนแรก ที่คว้าแชมป์ว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัย หรือ NCAA ประเภทฟรีสไตล์ 500 เมตรหญิง
ชัยชนะของนักว่ายน้ำข้ามเพศที่มีรูปร่างสูงใหญ่กว่าคู่แข่ง เป็นเหตุให้ผลการแข่งขันเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์รุนแรงจากหลายฝ่าย รวมถึงอดีตรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ ที่ประกาศว่าชัยชนะควรเป็นของ เอ็มม่า เวเยนท์ จากมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ซึ่งแตะขอบสระเป็นที่สองมากกว่า
ลีอา โทมัส ให้สัมภาษณ์รายการกู๊ดมอร์นิ่งอเมริกา ของ เอบีซี เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า เธอตั้งเป้าจะร่วมแข่งขันว่ายน้ำระดับโอลิมปิก และปฏิเสธข้อครหาเรื่องความได้เปรียบทางกายภาพ และทำให้เกิดความแตกแยกในหมู่นักกีฬาหญิง โดยบอกว่าผู้ชายข้ามเพศอย่างเธอ ไม่ใช่ภัยคุกคามของกีฬาของผู้หญิงทุกประเภท
โดยขณะนี้ ลีอา โทมัส ซึ่งถือว่าหมดสิทธิ์ลงแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกแล้วนั้น ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ข่าวบอกว่า การกำหนดอายุของนักฬาข้ามเพศเอาไว้ที่ 12 ปีของฟีน่า ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ โดยอ้างว่าอายุ 12 ปี ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมของการแปลงเพศ ตามคำแนะนำของสมาคมสุขภาพของบุคคลข้ามเพศแห่งโลก (The World Professional Association for Transgender Health) ที่แนะนำว่าควรเริ่มต้นให้ฮอร์โมนเพื่อเตรียมเปลี่ยนเพศกับบุคคลอายุ 14 ปีขึ้นไป ส่วนการผ่าตัดควรเริ่มเมื่ออายุระหว่าง 15-17 ปี.