แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2021 ว่าขณะนี้ เทศบาลเมืองลองบีช กำลังพิจารณาทางเลือกต่างๆ เกี่ยวกับเรือควีนแมรี เรือเดินทะเลเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยตำนาน และถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองลองบีช ตั้งแต่จอดเทียบท่าแบบถาวรมาตั้งแต่ปี 1967 หรือกว่า 50 ปีที่ผ่านมา
ข่าวบอกว่าเทศบาลเมืองลองบีชกำลังพิจารณาทางเลือกว่าจะจัดการอย่างไรกับเรือควีนแมรี ซึ่งมีอายุ 87 ปี และอยู่ในสภาพทรุดโทรม หลังถูกปรับใช้เป็นโรงแรม ร้านอาหาร พิพิธภัณฑ์ และจุดชมวิวที่สำคัญมานานหลายสิบปี โดยหากจะซ่อมแซมและบำรุงรักษาให้คงสภาพแบบปัจจุบันต่อไป เทศบาลจะต้องใช้เงินสูงถึง 175 ล้านดอลลาร์ในช่วง 25 ปีข้างหน้า หรือหากต้องการรื้อเพื่อแยกชิ้นส่วนรีไซเคิล หรือลากออกไปจมในทะเล อาจจะต้องใช้เงินมากกว่า คืออาจสูงประมาณ 190 ล้านดอลลาร์
ข่าวบอกว่าอนาคตของเรือควีนแมรี ตกมาอยู่ในการพิจารณาของสภาเมืองลองบีช หลังจากที่บริษัท อีเกิล ฮอสปิทาลิตี ทรัสท์ (Eagle Hospitality Trust) ซึ่งเช่าเรือควีนแมรี และที่ดินโดยรอบเพื่อปรับเป็นโรงแรม ภัตตาคาร ฯลฯ ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ได้ประสบปัญหาทางการเงินในช่วงวิกฤตโควิด-19 ถึงขั้นทำเรื่องล้มละลายตัวเองไปเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การประชุมสภาเมืองเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมนั้น ยังไม่มีการลงมติเกี่ยวกับอนาคตของเรือควีนแมรี แต่ข่าวบอกว่าเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาเมือง โอนเอียงไปทางการอนุรักษ์เรือเดินทะเลโบราณลำนี้เอาไว้ อาจจะเป็นโรงแรม หรือแหล่งท่องเที่ยวเหมือนที่ผ่านมา หรือปรับสภาพเป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ (historical monument) ซึ่งจะได้รับงบประมาณในการดูแลรักษาบางส่วนจากรัฐบาลกลางด้วย
ข่าวอ้างเอกสารที่บริษัทอีเกิล ฮอสปิทาลิตีฯ ยื่นต่อศาลในคดีล้มละลาย ระบุว่าเรือควีนแมรี ซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมหนักนั้น ต้องใช้เงินไม่ต่ำกว่า 289 ล้านดอลลาร์ ในการซ่อมแซม และปรับปรุงแก้ไข โดยปัญหาเฉพาะหน้าคือการใช้เงินไม่ต่ำกว่า 23 ล้านดอลลาร์ ในการซ่อมแซมไม่ให้เรือจมหรือเอียงไปกว่าที่เป็นอยู่