ทดลองเครื่องตรวจระเบิดที่เมโทร ดาวน์ทาวน์
บริษัทขนส่งมวลชนเมโทรของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ โดยความร่วมมือกับสำนักงานควบคุมความปลอดภัยด้านการคมนาคมของสหรัฐฯ หรือ TSA ได้ทดลองใช้เครื่องสแกนความร้อนแบบเคลื่อนที่ ทำการตรวจสอบร่างกายผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟเมโทร ณ สถานี เมโทร เซ็นเตอร์ ในดาวน์ทาวน์ ลอส แอนเจลิส ตลอดวันที่ 6 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่ได้ทดลองใช้ระบบอื่นไปแล้วสองอย่าง เมื่อเดือนสิงหาคม และธันวาคม 2017
โดยเครื่องตรวจสอบดังกล่าว เรียกว่า ThruVis TAC ผลิตจากสหราชอาณาจักร เป็นโครงเหล็กสีดำ ที่เจ้าหน้าที่ติดตั้งใกล้บันไดเลื่อนให้ผู้โดยสาร ที่ยินยอมเข้ารับการตรวจสอบ เดินผ่าน โดยภาพของผู้โดยสารเป็นโครงร่างสีเขียวจะปรากฎบนจอคอมพิวเตอร์ ขณะที่โลหะ หรือวัสดุที่เป็นอันตรายต่างๆ รวมถึงอาวุธปืนและวัตถุระเบิด จะปรากฎเป็นสีดำให้อย่างชัดเจนบนจอ
ประชาสัมพันธ์ของโมโทรบอกว่าการทดลองดังกล่าว เป็นไปเพื่อยกมาตรฐานของระบบการรักษาความปลอดภัยของระบบขนส่งมวลชนเมโทรให้สูงขึ้น และว่าระบบ ThruVis TAC คือวิวัฒนาการของเครื่องสแกนร่างกายผู้โดยสารที่ทันสมัยที่สุด มีขนาดเล็ก สามารถเคลื่อนย้ายระหว่างสถานีต่างๆ ได้อย่างสะดวก
นอกจากที่สถานีรถไฟของเมโทรในดาวน์ทาวน์ แอลเอ แล้ว ยังมีการทดลองใช้เครื่อง ThruVis TAC ที่สถานีรถไฟ (Amtrak) ที่เพ็นน์ สเตชั่น ในนิวยอร์ค ด้วย.
|
อาจารย์สาวถูกพักงาน ฐาน “เหยียดผิว”
ศาสตราจารย์หญิงของ โกลเด้น เวสท์ คอลเลจ ในฮันติงตัน บีช ถูกพักงานสองสัปดาห์ หลังปากเสีย ไล่ครอบครัวชาวเอเชียที่เดินสวนทางให้กลับประเทศตัวเอง (go back to your home country) เจอถ่ายคลิปโพสต์เฟสบุ๊ก และถูกด่ายับหลังคลิปถูกแชร์แล้วกว่าห้าแสนครั้ง
ข่าวบอกว่าคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวถูกโพสต์ขึ้นบนเฟสบุ๊กของ โทนี่ เกา อเมริกันเชื้อสายเอเชียในเมืองลองบีช เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 1 มีนาคม โดยเขาบอกว่าเรื่องเกิดขึ้นระหว่างที่เขาและภรรยา พร้อมด้วยลูกสาวกำลังเดินเล่นอยู่ริมถนนใกล้บ้าน และถูกผู้หญิงผิวขาว ซึ่งภายหลังทราบว่าคือ ทาริน โอลสัน มีตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ของวิทยาลัยชุมชน โกลเด้น เวสท์ ในฮันติงตัน บีช ได้บอกให้เขาพาครอบครัวกลับ “บ้านเกิด” ขณะที่เดินสวนทางกัน
โทนี่ เกา ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายวิดีโอขณะถามถึงเหตุผลกับคู่กรณีของเขา ที่พยายามเดินหนี ไม่ให้เห็นหน้า
“ผมต้องการให้คุณบอกเหตุผลกับทุกคนว่าทำไมถึงไล่พวกเรากลับประเทศ” โทนี่ เก้า ถาม
“คุณจำเป็นต้องกลับประเทศของคุณซะ” ทาริน โอลสันยังคงยืนยันขณะเดินหนีอย่างรวดเร็ว
ต่อมาเมื่อวันอังคารที่ 6 มีนาคม ทางวิทยาลัยโกลเด้น เวสท์ ได้โพสตจ์ประกาศพักงานศาสตราจารย์หญิงคนนี้บนเฟสบุ๊กของสถาบัน โดยให้เหตุผลว่าคำพูดของเธอเป็นที่ “น่าผิดหวังอย่างรุนแรง” และบอกว่าพฤติกรรมดังกล่าว ไม่ได้สะท้อนบทบาทและหน้าที่ของสถาบันแต่อย่างใด และว่าจะทำการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไปเป็นการภายใน
ต่อเรื่องที่เกิดขึ้น ทาริน โอลสัน ได้ส่งอีเมล์ชี้แจงถึงแอลเอไทมส์ บอกว่าเธอได้รับอีเมล์ที่ “น่ารังเกียจ” มากมายหลังจากมีการนำวิดีโอที่เธอไม่ได้อนุญาตให้ถ่ายออกเผยแพร่ ทำให้เธอมีสภาพจิตใจและอารมณ์ที่ย่ำแย่ อีกทั้งบอกว่าผู้ชายที่ชื่อ โทนี่ ไม่ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ทั้งหมด และยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำไม่ได้มาจากความรู้สึกเหยียดผิวชังพรรณแต่อย่างใด.
|
ตั้งข้อหามือดีขโมยออสก้าร์ “ฟรานเซส”
เทอรี่ ไรอันท์ วัย 47 ปี ถูกตั้งข้อหาโจรกรรมร้ายแรง (grand theft of property) ซึ่งเป็นข้อหาที่มีโทษจำคุกสูงสุดถึงสามปี จากการขโมยรางวัลออสก้าร์ดารานำหญิงยอดเยี่ยมของ ฟรานเซส แม็กโดแมนด์ ระหว่างที่เธอไปร่วมงานเลี้ยงฉลอง (governors ball) หลังเสร็จสิ้นพิธีประกาศผลรางวัลออสก้าร์ เมื่อค่ำวันอาทิตย์ที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา
สำนักงานอัยการของเมืองลอส แอนเจลิส แถลงด้วยว่า การตั้งข้อหาอาญาร้ายแรงดังกล่าวเป็นเพราะรางวัลออสก้าร์ มีมูลค่าสูงกว่า 950 ดอลลาร์ และว่าช่างภาพคนหนึ่ง ซึ่งผิดสังเกตุที่ เทอรี่ ไรอันท์ ถือรางวัลออสก้าร์ เดินออกจากงาน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวเขาได้ในเวลาก่อนเที่ยงคืน และนำรางวัลสำคัญ มาคืนให้กับดาราหญิงจากเรื่อง Three Billboards Outside Ebbing, Missouri ได้ในเวลาต่อมา
สำนักอัยการของเมืองแอลเอ ระบุด้วยว่าหลักฐานสำคัญอีกอย่างที่มัดตัวผู้ต้องหาในคดีนี้คือ คลิปวิดีโอของเขากับรางวัลออสก้าร์ ที่เขา “ไลฟ์” ผ่านเฟสบุ๊กของตัวเอง ก่อนจะลบทิ้งในเวลาต่อมา
เทอรี่ ไรอันท์ มีนัดขึ้นศาลเพื่อฟังข้อกล่าวหาเมื่อเช้าวันพุธ โดยศาลตั้งเงินประกันตัว 20,000 ดอลลาร์.
|
ใช้หุ่นยนต์ทำแฮมเบอร์เกอร์แล้ว
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ร้านฟาสฟู้ด “แคลิเบอร์เกอร์” ได้เริ่มทดลองใช้หุ่นยนต์ชื่อ ฟลิปปี้ ทอดแฮมเบอร์เกอร์แล้ว ที่สาขาในเมืองพาซาดีน่า
โดย จอห์น มิลเลอร์ ซีอีโอของ คาลิกรุ๊ป เจ้าของร้าน แคลิเบอร์เกอร์ ซึ่งมี 9 สาขาในอเมริกา และอีกเกือบ 30 สาขาในหลายประเทศ กล่าวว่าหุ่นยนต์ “ฟลิปปี้” จะทำแฮมเบอร์เกอร์ทุกชิ้นมีรสชาติคงที่ ซึ่งเป็นหัวใจของการทำอาหาร เพราะใช้คอมพิวเตอร์ควบคุมความร้อนและคำนวนเวลาในการพลิกชิ้นเนื้ออย่างแม่นยำ
ผู้บริหารของ แคลิเบอร์เกอร์ ยืนยันว่าหุ่นยนต์ฟลิปปี้ ไม่ได้เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ เพราะยังต้องใช้แรงงานมนุษย์ในการเตรียมวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงวางชิ้นเนื้อดิบลงบนเตาทอดด้วย
นอกจากจะช่วยให้แฮมเบอร์เกอร์มีรสชาติคงที่แล้ว จอห์น มิลเลอร์ บอกด้วยว่าหุ่นยนต์ฟลิปปี้ ที่ถูกจัดสถานที่ทำงานเอาไว้ให้ลูกค้าเห็นได้ชัดเจน ยังจะเป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายที่ดี เพราะสามารถดึงดูดลูกค้าที่สนใจเทคโนโลยีทางด้านนี้ให้มาทดลองชิมแฮมเบอร์เกอร์ของทางร้านได้อีกด้วย
ทั้งนี้ ต้นทุนของหุ่นยนต์ทอดแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งผลิตโดยบริษัทชื่อ Miso Robotics จะอยู่ที่ตัวละ 60,000 ดอลลาร์ โดยแคลิเบอร์เกอร์ มีแผนที่จะติดตั้งในร้านสาขาอื่นๆ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้.
|