ตระเวนแอลเอ
ตระเวนแอลเอ 361


รถราง “แองเจิลไฟลท์” ให้บริการแล้ว




รองเท้าของนักท่องเที่ยวจากออสเตรีย ที่ถูกฟ้าผ่าขณะไฮกิ้งในแคลิฟอร์เนีย




แมรี่ โซโดร่า




กบ "ลักกี้" ในสลัด




ปากอุโมงค์ที่ใช้สำหรับลักลอบเข้าเมืองจากเม็กซิโกมายังซานดิเอโก้




.

รถราง “แองเจิลไฟลท์” ให้บริการแล้ว

หลังจากที่หยุดให้บริการไปตั้งแต่ปี 2013 ล่าสุด แองเจิลไฟล์ท รถรางระยะสั้นที่สุดของอเมริกา สัญลักษณ์เก่าแก่ของเมืองลอส แอนเจลิส ได้เปิดให้บริการประชาชนและนักท่องเที่ยวอีกครั้งหนึ่งแล้วตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม เป็นต้นไป

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายกเทศมนตรี อีริค การ์เซ็ตติ ได้แถลงข่าวการนำรถรางแองเจิล ไฟล์ท กลับมาให้บริการในฐานะ “แลนด์มาร์ค” ของเมืองลอส แอนเจลิส  อีกครั้งว่า ได้มีการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อให้รถรางสายสั้นๆ ขึ้นเนินบังเกอร์ฮิลล์ ในดาวน์ทาวน์ แอลเอ สามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งรายได้ของเทศบาลเมืองแอลเอ ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 30 ปีข้างหน้า

แม้จะไม่มีการกล่าวอ้างถึง แต่เชื่อกันว่าความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง La La Land ที่ใช้ แองเจิล ไฟล์ท เป็นสถานที่ถ่ายทำในฉากหนึ่ง ทำให้เกิดกระแสเรียกร้อง จนเทศบาลเมืองแอลเอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตัดสินใจนำ แองเจิล ไฟล์ท กลับมาให้บริการอีกครั้ง

แองเจิลไฟล์ท ประกอบด้วยรถรางสองคัน ชื่อไซนาย และโอลิเวท เปิดบริการครั้งแรกในปี 1901 สำหรับขนส่งประชาชนจากบ้านและอพาร์ทเมนท์หรูบนเนินบังเกอร์ฮิลล์ ลงมายังถนนแกรนด์ โดยประเมินว่าในระยะ 60 ปีแรก แองเจิลไฟล์ท ให้บริการผู้โดยสารมากกว่าร้อยล้านคน ก่อนที่จะหยุดบริการ เพราะผู้คนจะเริ่มย้ายออกไปอยู่นอกเมือง และย่านบังเกอร์ฮิลล์ กลายเป็นตึกระฟ้า ดังเช่นในปัจจุบัน

แองเจิลไฟล์ท ถูกนำกลับมาอีกครั้งในปี 1996 ในฐานะจุดน่าสนใจ (actraction) ของโครงการ แคลิฟอร์เนีย พลาซ่า โดยขยับจากจุดเดิมมาทางทางใต้ประมาณครึ่งช่วงถนน วิ่งขึ้นเนิน 33 องศาระหว่างถนนฮิลล์ และโอลีฟ เป็นระยะทาง (เพียง) 298 ฟุต หรือเท่ากับการเดินขึ้นบันได 153 ขั้น

ในปี 2011 เกิดอุบัติเหตุ เมื่อระบบเบรคของรถ ไซไน เกิดขาด วิ่งลงเนินมาชนกับรถโอลิเวท เป็นเหตุให้นักท่องเที่ยววัย 83 ปีจากนิวเจอร์ซี่ เสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีกเจ็ดคน ทำให้แองเจิลไฟล์ทถูกปิดเป็นครั้งที่สองนานเก้าปี ก่อนจะถูกนำกลับมาวิ่งขึ้นลง ในฐานะเป็น “แลนด์มาร์ค” และจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกครั้ง แต่ปี 2013 ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยเพียงหนึ่งคน ทำให้เทศบาลเมืองแอลเอ สั่งปิด แองเจิล ไฟล์ท อีกครั้ง ก่อนจะถูกนำกลับมาให้บริการอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา.



หน่มออสเตรีย ถูก “ฟ้าผ่า” ที่แคลิฟอร์เนีย

นักท่องเที่ยวจากออสเตรีย ถูกฟ้าผ่าขณะไฮกิ้งอยู่ในย่านเซียร่า เนวาด้า ของแคลิฟอร์เนีย ร่างกายบางส่วนถูกเผาไหม้รุนแรง แต่โดยรวมแล้ว เขาไม่มีอันตรายร้ายแรงนัก

นักท่องเที่ยว ซึ่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อรายนี้ บอกว่าเขากับเพื่อนอีกสองคน ออกไฮกิ้งจากบริเวณที่เรียกว่า ดอนเนอร์ ซัมมิท ไปยัง Squaw Valley โดยขณะนั้นไม่มีวี่แววว่าจะมีพายุ ฝนฟ้าคะนองแต่อย่างใด และเหตุการณ์ฟ้าผ่าเกิดขึ้นตอนที่เขาแยกออกจากกลุ่ม โดยเดินนำไปข้างหน้า จนถึงบริเวณยอดเขาที่เรียกว่า ทิงเกอร์ น็อบ ซัมมิท เขาก็ถูกฟ้าผ่าแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เพื่อนของเขา บอกว่าเห็นและได้ยินเสียงฟ้าผ่าชัดเจน และเมื่อวิ่งไปดูก็พบผู้เคราะห์ร้ายนอนฟุบอยู่กับพื้น เสื้อผ้า รองเท้า (ในภาพ) และอุปกรณ์ติดตัวอื่นๆ ไหม้เกรียม มีควันโชย ทั้งสองใช้โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจาก 911 โดยไม่กล้าเข้าไปใกล้ร่างของเหยื่อฟ้าพิโรธ เพราะเกรงว่าจะมีฟ้าผ่าซ้ำลงมาอีก

อย่างไรก็ดี เหยื่อฟ้าผ่ายังมีสติ สามารถพูดคุยตอบโต้กับเพื่อนได้ แม้ว่าจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงก็ตาม และไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์ของตำรวจทางหลวง ก็มาถึงจุดเกิดเหตุ ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวตัวผู้เคราะห์ร้ายส่งโรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียงเพื่อดูอาการ ก่อนถูกส่งมารักษาแผลไฟไหม้ที่ โรงพยาบาล ยูซี เดวิด ในเวลาต่อมา

ข่าวบอกว่าผู้เคราะห์ร้าย ยังมีอารมณ์ขัน โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า โอกาสถูกฟ้าผ่ามีน้อยกว่าถูกล็อตเตอรี่ แต่เขาก็ยังอยากจะถูกล็อตเตอรี่มากกว่าถูกฟ้าผ่าอยู่ดี


เจ้าของหมาป่วยที่เดินเข้า รพ.เอง ถูกจับแล้ว

แมรี่ โซโดร่า วัย 52 ปี ชาวเมืองวิคเตอร์วิลล์ ถูกตั้งข้อหาอาญาฐานทารุณกรรมสัตว์ และข้อหาอาญาสถานเบาอีกสองกระทง คือไม่ดูแลสัตว์เลี้ยง กับปล่อยให้สัตว์เลี้ยงเพ่นพ่านโดยอิสระในถนนสาธารณะ หลังจากปล่อยปละละเลยสุนัขพันธุ์ บอสตันเทอเรีย ชื่อ “พาช่า” ซึ่งมีเนื้องอกมากกว่า 300 ก้อนทั่วร่างกาย เดินโซซัดโซเซอยู่ริมถนนหน้าโบสถ์ (chapel) ของโรงพยาบาล Hoag ในนิวพอร์ท บีช

ข่าวบอกว่าสุนัขเคราะห์ร้าย มีหนังยางรัดเนื้องอกเอาไว้ โดยเนื้องอกบางก้อน เช่นที่ปาก มีขนาดเท่าลูกกอล์ฟ อีกทั้งเนื้องอกจำนวนมากบริเวณรอบดวงตาทำให้สุนัขตัวนี้มองอะไรแทบไม่เห็น

แมรี่ โซโดร่า ให้การปฏิเสธต่อข้อหาทั้งหมด แต่ยอมรับว่าเป็นคนรัดหนังยางที่เนื้องอกของ “พาช่า” เอง เพราะคิดว่าการรัดหนังยางจะทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงเนื้องอก และเนื้องอกจะหลุดออกไปเอง รวมถึงให้การว่าไม่ทราบว่า พาช่า หายไปจากบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา แมรี่ โซโดร่า เคยพา พาช่า ไปหาสัตว์แพทย์ถึงสองครั้ง และปฏิเสธข้อแนะนำของสัตว์แพทย์ที่อยากจะทำการุณยฆาต พาช่า โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพราะอาการของสุนัขตัวเล็กนั้นเกินเยียวยา และอยู่ในสภาพที่ทรมานมาก

ข่าวบอกด้วยว่า สุนัขบอสตันเทอเรีย ถูกทำการุณยฆาต หลังจากที่เจ้าหน้าที่จับตัวได้ที่โรงพยาบาลในนิวพอร์ทบีช เพียงหนึ่งวัน

หากถูกตัดสินว่าผิดตามข้อกล่าวหา เจ้าของสุนัขรายได้มีสิทธิ์ติดคุกได้นานถึงแปดปีกับหกเดือน ในคุกของรัฐ.



กบน้อยในสลัด กลายเป็น “สัตว์เลี้ยง” แสนรัก

เบ๊กกี้ การ์ฟินเกิล วัย 37 ปี ชาวเมืองโคโรน่า ซึ่งกินอาหารมังสวิรัติแบบเคร่งครัด ใช้ส้อมจิ้มสลัดผักสดในกล่องพลาสติกที่เธอซื้อจาก ทาร์เก็ต เข้าปากไปแล้วหลายคำ ก่อนที่สายตาเหลือบลงไปเห็นกบตัวเล็กๆ สีกลมกลืนกับผักสดในกล่อง ทำให้เธอร้องลั่นและโยนส้อมในมือทิ้ง ตามด้วยการวิ่งไปห้องน้ำและอาเจียรครั้งใหญ่

หลังจากเหตุโกราหนจบลง และได้ยินสามีตะโกนบอกว่า “มันยังไม่ตาย” เธอก็รีบนำเจ้ากบตัวเล็กขนาดเท่าเหรียญสิบเซ็นต์ แต่นอนแน่นิ่ง ไปยังอ่างล้างจาน และล้างน้ำ ‘ตาฮิติ เลม่อน วินนิเกรทท์’ ออกจากตัวมัน

ขณะนี้ เจ้ากบตัวเล็ก ได้รับการตั้งชื่อว่า “ลักกี้” (ย่อมาจาก ลักกี้ ทู บี อไลฟ์” และกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเบ๊กกี้ โดยมันอาศัยอยู่ในตู้กระจกที่ ปูพื้นด้วยมอสและต้นไม้พลาสติก มีอ่างน้ำเล็กๆ พร้อมถาดอาหาร คือหนอนและจิ้งหรีด โดยเบ๊กกี้วางบ้านใหม่ของลักกี้เอาไว้ในห้องทำงานของเธอที่บ้าน

เบ๊กกี้ การ์ฟินเกล บอกว่าเธอได้ติดต่อกับบริษัทผู้ผลิตผักสลัดสำเร็จรูป (Taylor Farms) และทางบริษัทได้ขอโทษ และบอกว่าจะทำการสอบสวนถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้นโดยด่วน ส่วนร้านทาร์เก็ต สาขาที่เธอซื้อผักสลัดกล่องนั้น ก็แสดงความรับผิดชอบโดยการเสนอให้บัตรกำนัล (gift card) มูลค่า 5 ดอลลาร์กับเธอ.


รวบเม็กซิกันและจีน 30 คนคา “อุโมงค์”

เจ้าหน้าที่ตระเวนชายแดน พบอุโมงค์ลอดพรมแดนจากเม็กซิโกเข้ามายังซานดิเอโก้ ที่เมือง โอเตย์เมซ่า โดยบังเอิญ เมื่อเช้ามืดวันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม หลังจากเห็นกลุ่มผู้ลักลอบเข้าเมือง “โผล่” ขึ้นมาจากพื้น และเมื่อเข้าไปตรวจก็พบผู้ลักลอบเข้าเมืองอีกจำนวนมาก อัดแน่นอยู่ในอุโมงค์ขนาดเล็กดังกล่าว

การตรวจพบดังกล่าว ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้พยายามลักลอบเข้าเมืองได้ 30 คน เป็นชาวเม็กซิกันทั้งหญิงและชาย 7 คน ที่เหลือเป็นชาวจีน 23 คน เป็นหญิงสองคน โดยข่าวบอกว่าผู้ลักลอบเข้าเมืองบางส่วน พยายามถอยกลับไปยังฝั่งเม็กซิโกด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่ทราบว่าสามารถกลับไปถึงปากอุโมงค์อีกด้านหนึ่งได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

ข่าวบอกว่าขณะนี้ หน่วยปฏิบัติการพิเศษที่สำนักงานอิมมิเกรชั่นจัดตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลปัญหาการขุดอุโมงค์ข้ามพรมแดน เพื่อลำเลียงยาเสพติดและผู้ลักลอบเข้าเมือง กำลังทำงานใกล้ชิดกับทางการของเม็กซิโก เพื่อหาตัวผู้ขุดอุโมงค์มาลงโทษ รวมถึงทำการปิดโมงค์จากทางฝั่งเม็กซิโกด้วย.


 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข