แอลเอพีดี จ่าย 81 ล้านปิดคดีฟ้องร้องปี 16

แอลเอไทมส์ รายงานเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมา หน่วยงานตำรวจของเมืองลอส แอนเจลิส หรือแอลเอพีดี ต้องจ่ายเงินเกือบ 81 ล้านดอลลาร์ในการ “ยอมความ” คดีฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายต่างๆ ที่เกิดจากความผิดพลาด หรือจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถือว่าเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น

ข่าวบอกว่ายอดเงินมหาศาล ที่มาจากภาษีของชาวเมืองลอส แอนเจลิส ก้อนนี้ เป็นผลมาจากคดีดังๆ หลายคดี รวมถึงคดีเก่าที่ย้อนไปหลายปี แต่เพิ่งมายอมความกันในปีงบประมาณที่ผ่านมา

ตัวอย่างคดีที่ทำให้แอลเอพีดี ต้องจ่ายเงินชดใช้ความเสียหายก้อนโตคือการทำคดีแบบไม่โปร่งใส เป็นเหตุให้ผู้บริสุทธิ์สองคนถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อหาฆาตกรรม โดยแต่ละคนต้องติดคุกอยู่นานถึง 25 ปี โดยแอลเอพีดี ยอมชดใช้ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นให้กับผู้โชคร้ายทั้งสองคน เป็นเงินรวมกัน 24 ล้านดอลลาร์ หรือในกรณีของเด็กชาย ที่เป็นอัมพาต เพราะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิง ก็สิ้นสุดโดยการที่แอลเอพีดียอมจ่ายชดเชย 15 ล้านดอลลาร์

อีกกรณีหนึ่ง ที่แอลเอพีดียอมความในปีที่ผ่านมา คือกรณีตำรวจยิงชายคนหนึ่ง เพราะเข้าใจผิดว่าโทรศัพท์มือถือเป็นปืน ซึ่งคดีนี้หน่วยงานแอลอพีดี ยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 7 ล้านดอลลาร์.

แอลเอรับนักท่องเที่ยว 47.3 ล้านคนปี 2016

คณะกรรมาธิการท่องเที่ยวและจัดประชุมของสภาเมืองลอส แอนเจลิส แถลงเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ที่ผ่านมาว่า ในปีงบประมาณ 2016 นั้น ลอส แอนเจลิส ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวาและผู้มาเยือนมากเป็นประวัติการณ์ นั่นคือ 47.3 ล้านคน เท่ากับเป็นการอัดฉีดเงินมากกว่า 21.9 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจของเมืองแอลเอ

โดยตัวเลขค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวระหว่างเยือนแอลเอ ดังกล่าว ถือว่าสูงขึ้นจากงบประมาณปี 2015 ถึง 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นถึง 6.3 เปอร์เซ็นต์ และสร้างตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องมากกว่า 510,500 ตำแหน่ง หรือเพิ่มขึ้น 4.4 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้านี้

คณะกรรมาธิการท่องเที่ยวฯ บอกด้วยว่าอัตราการเข้าพัก หรือ occupancy rate ของโรงแรมในแอลเอ โดยเฉลี่ยตลอดปีอยู่ที่ 81.3 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนห้องพัก (ที่มีการเข้าพัก) มากถึง 29.2 ล้านห้อง

โดยจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 40.3 ล้านคนในปี 2015 เป็น 47.3 ล้านดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา เป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 40.3 ล้านคน เป็นนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ 7 ล้านคน สามารถสร้างรายได้ให้เทศบาลเฉพาะจากการเก็บภาษีที่พัก (occupancy tax) มากถึง 268 ล้านดอลลาร์.

ลองบีช เตือน “ฉลาม”

เมืองลองบีช ได้ออกคำแนะนำประชาชนฉบับที่สองเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม ให้ระวังปลาฉลามขาว  “หลายตัว” ที่เข้ามาป้วนเปี้ยนอยู่ในย่านน้ำตื้นแถบชายฝั่ง หลังจากที่ประกาศเตือนภัยฉบับแรกเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่ามีการพบเห็นฉลามขาวบริเวณชายฝั่งเพียงแค่ตัวเดียว

ข่าวอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดว่า มีการพบเห็นฉลามขาวอย่างน้อยสี่ตัว มีขนาดตั้งแต่ 5-6 ฟุต ถือว่ายังไม่โตเต็มวัยในบริเวณที่เรียกว่า เพนนินซูล่า โอเชียนฟรอนท์ ซึ่งเป็นบริเวณน้ำตื้น เพราะอุดมไปด้วยปลาเล็กและปลากระเบน (sting ray) ซึ่งเป็นอาหารที่ฉลามชอบกิน

ข่าวบอกด้วยว่า แม้จะเป็นเรื่องที่น่าหวาดเสียว แต่การพบเห็นปลาฉลามในบริเวณดังกล่าว ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี เพราะหมายถึงทะเลย่านนี้มีความสมบูรณ์ และสมดุลย์ทางระบบนิเวศวิทยา โดยการออกประกาศเตือนประชาชนดังกล่าว ไม่ได้รวมถึงการปิดหาด หรือห้ามไม่ให้ประชาชนลงเล่นน้ำ และจะยกเลิกคำแนะนำดังกล่าว หากไม่ปรากฎว่าพบเห็นปลาฉลามขาวที่บริเวณน้ำตื้นหนึ่งวัน.

พิทบูลล์ ขย้ำคนและหมาเล็กในดาวน์ทาวน์

เหตุการณ์สุนัขพิทบูลล์รุมกัดคนและสัตว์เลี้ยง ยังคงเกิดเป็นข่าวได้ให้ยินกันแบบรายวัน โดยล่าสุดเกิดขึ้นบนถนนสแตนฟอร์ด ในย่านสกิดโรว์ ของดาวน์ทาวน์ ลอส แอนเจลิส เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 10 พฤษภาคม โดยพิทบูลล์สามตัวรุมกัดสุนัขขนาดเล็กที่เจ้าของจูงเดินเล่นจนร่างแหลกเหลว รวมถึงกัดเจ้าของที่พยายามช่วยเหลือสุนัขของตัวเอง จนบาดเจ็บสาหัสด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเรื่อง และรุดไปถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว จึงสามารถช่วยชีวิตชายเคราะห์ร้ายวัย 50 ปีเศษๆ ได้แบบเฉียดฉิว โดยจำเป็นต้องใช้ปืนยิงพิทบูลล์ตายสองตัว และบาดเจ็บหนึ่งตัว หลังจากที่ใช้ไม้กระบอง (baton) ไม่สามารถหยุดฝูงพิทบูลล์ที่กำลังขย้ำเหยื่อของมันได้

ผู้เหตุเหตุการณ์กล่าวว่า สุนัขพิทบูลล์ทั้งสามตัว เป็นของเจ้าของธุรกิจในย่านนั้น โดยเจ้าของนำมาเลี้ยงในร้าน และปล่อยให้วิ่งเล่นอย่างเสรีในตอนเช้าทุกวัน และว่าที่ผ่านมา พิทบูลล์ทั้งสามตัวไม่เคยแสดงท่าทีดุร้ายให้เห็น รวมถึงเชื่อฟังเจ้าของเป็นอย่างดี

ข่าวบอกด้วยว่าเจ้าของสุนัขพิทบูลล์ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการสอบสวนถึงเหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ และขณะนี้ยังไม่มีการจับกุมหรือตั้งข้อหาเจ้าของสุนัขอันตรายทั้งสามตัวรายนี้แต่อย่างใด.