ข่าวคนไทยในอเมริกา
รายงานหน้าหนึ่ง : คุยกับ “จอห์น มอลอย”


จอห์น มอลลอย


น้องไมร่า ขณะร้องเพลงประกวดในรอบเซมิไฟนัลของ Rising Star เมื่อวันอาทิคย์ที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา


จอห์น มอลลอย กับครอบครัว คือภรรยา อัมพร (ซ้าย) ไนน่า (สามจากซ้าย) ไมร่า (สี่จากซ้าย) และครูหนึ่ง สิรินันท์ ปลอดเปลี่ยว ซึ่งเป็นญาติและเป็นผู้ฝึกซ้อมเพลงป็อปให้น้องไมร่าด้วย


กว่า 20 ปีก่อนโน้น “จอห์น มอลลอย” นักข่าวหนุ่มในสังกัดสื่อใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี เกิดอาการเบื่อหน่ายกับสภาพแวดล้อมของอเมริกา อยากแสวงหาความแปลกใหม่ และความตื่นเต้นให้กับชีวิต จึงขอย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศไทย ตามคำแนะนำของเพื่อนที่เคยอยู่เมืองไทยมาก่อน

ที่นั่น... เขาหลงเสน่ห์ของความเป็นไทย ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของผู้คนที่ทำให้เขานึกถึงบรรยากาศสมัยเป็นเด็กในเมืองเล็กแห่งหนึ่งของเวอร์จิเนีย

“ก็อยู่เมืองไทยสี่ปีรวด ไม่กลับมาเลย พอใกล้หมดเทอม ใกล้จะกลับ ผมก็เจอกับแฟนผม (อัมพร มอลลอย) ซึ่งทำงานหนังสือพิมพ์เหมือนกัน เป็นฝ่ายกราฟฟิก ก็ชอบกัน แล้วตอนนั้นแฟนผมกำลังจะมาเรียนปริญญาโทที่นิวยอร์คพอดี แฟนอยู่นิวยอร์คก็ไปหาได้ใช่ไหม ผมก็ย้ายมาทำงานที่นิวยอร์ค เพราะเป็นนักข่าวทำงานตรงไหนก็ได้ ก็กลับไปเจอกันใหม่จนสุดท้ายเราก็แต่งงานกันที่นิวยอร์ค”

หนุ่มอเมริกันร่างสูงเล่าย้อนประวัติให้เราฟังด้วยภาษาไทยที่ชัดเจน แม้จะมีสำเนียงแปร่งๆ แฝงอยู่บ้างก็ตาม

“พอแฟนผมเรียนจบก็ทำงานที่นิวยอร์ค พักหนึ่ง เราก็คิดว่า เออ แฟนเราอยู่อเมริกาไม่มีความสุข เพราะคิดถึงประเทศไทยตลอดเลย ก็เลยพากันกลับไป นี่ก็เกือบยี่สิบปีแล้ว น้องไมร่ากับไนน่า เกิดที่เมืองไทยทั้งสองคน... โดยที่ผ่านมา ผมทำงานเกี่ยวกับ E-learning ทำให้กระทรวงต่างๆ ทำให้มหาวิทยาลัยในเมืองไทย ทำร่วมกับอาจารย์ เอาหลักสูตรของอาจารย์มาทำออนไลน์”

หากยังไม่ทราบว่า จอห์น มอลลอย ที่เรานำเสนอเรื่องราวของเขาเป็นรายงานหน้าหนึ่งฉบับนี้คือใคร... ชื่อของลูกสาวคนโต “ไมร่า” หรือ มณีภัสสร มอลลอย คงทำให้คุณร้อง “อ๋อ” ได้แล้ว...

เพราะ ณ เวลานี้ เด็กสาวอายุ 16 ผู้นี้คือคนไทยที่ได้รับความสนใจ และน่าจะถูกจับตามองมากที่สุด ด้วยว่ากำลังอยู่ระหว่างการแข่งขันร้องเพลงในรายการ “Rising Star” ที่แพร่ภาพทางสถานี เอบีซี และสามารถผ่านเข้าสู่รอบลึกได้ด้วยฝีมืออันน่าทึ่ง...

จอห์น มอลลอย เล่าต่อว่าเขาได้อพยพครอบครัวกลับมาอเมริกาอีกครั้งเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้วโดยปักหลักอยู่ที่นครลอส แอนเจลิส...

“คนจะไม่เข้าใจ เราอยู่ประเทศไทยมีทุกอย่าง สบาย มีบ้าน มีแม่บ้าน มีรถ เรามานี่วันแรกไปเช่าอพาร์ทเมนท์ต้องนอนกะพื้น ไม่มีอะไรเลย ต้องไปหาช้อนหาอะไรทุกอย่างใหม่ พูดถึงช่วงแรกๆ ก็ลำบาก นี่ผ่านไปปีนึง ก็เป็นชาวแอลเอแล้ว โอเคแล้ว”

แล้วกลับมาทำไม... 

คำตอบคือ “มาเพื่อลูก...”

“ที่มาอเมริกากันคราวนี้ เริ่มต้นจากที่น้องไปดูคอนเสิร์ตของเดวิด ฟอสเตอร์ ที่เมืองทองธานี (5 พฤศจิกายน 2012) แล้วเดวิดก็เดินลงมาที่ผู้ชมแบบที่ชอบทำ ‘มีใครอยากร้องเพลงไหม’ มีเวลาให้ห้านาที คนอื่นในบริเวณนั้นก็ร้องเชียร์ “ไมร่า ไมร่า” เดวิดก็บอกคนไหนไมร่า ไมร่าก็ยืนแล้วก็ร้องเพลง Time to say goodbye แล้วแกก็ชอบมาก อีกแป๊บนึงก็มาชวนขึ้นเวทีอีก ให้ร้องคู่กับนักร้องของแก แล้วตอนร้องจบแกบอก ‘เดี๋ยวในอนาคต เราต้องเจอกันอีกแน่ มาทำอะไรด้วยกัน’... ตอนนั้น น้องไมร่าชนะ Thailand’s Got Talent แล้ว แต่เดวิดเขาไม่รู้... หลังจากนั้น เดวิดก็มาชวนไมร่ามาออกงานกับแกที่แอลเอ นี่แหละ งานแรกไปร้องที่มาลิบู เป็นงานฉลอง 65 ปีของอิสราเอล เป็นงานใหญ่ของเขา...”

ความสามารถในระดับที่ทำให้ศิลปินระดับสากลอย่างเดวิด ฟอสเตอร์ เกิดอาการทึ่ง ถึงขนาดชวนมาร่วมงานด้วยแบบนี้ ทำให้ จอห์น มอลลอน ต้องคิด...

“เราก็คิดว่า เอ... ถ้าให้ลูกมาอเมริกาน่าก็จะมีโอกาสมากกว่า แล้วเขาก็อายุยังน้อย ลองมาอยู่สักสองปีดีไหม ดูสิว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ถือว่าให้โอกาสเขา...​นี่ปีหนึ่งพอดี...​โอกาสก็เริ่มมาแล้ว”

จะพูดถึงความสามารถของสาวน้อยวัย 16 ปี “ไมร่า” มณีภัสสร มอลลอย ในวันนี้ คงต้องต้องย้อนกลับไปสิบกว่าปี...

“ตอนไมร่าอายุ 8 ขวบนะ... เราขับรถอยู่บนถนนรัชดา มีป้ายใหญ่งานดีสนีย์ออนไอซ์ มีประกวดร้องเพลงเด็กด้วย ไมร่าชอบดีสนีย์มากก็ถามว่าป้ายอะไร ไปประกวดได้ไหม ผมก็ เอ้า ตามใจ ก็อัดวิดีโอลูกร้องเพลงส่งเข้าไป ปรากฎว่าเขาเลือกเป็นหนึ่งใน 30 คน... ในงานเขาก็ถามว่าใครเรียนร้องเพลงมาบ้าง... 29 คนยกมือพรึบ... ผมก็ หือ? พ่อทำผิดไหมเนี่ย... ไม่ได้สนับสนุนลูกเลย”

นั่นทำให้ จอห์น มอลลอย พาลูกสาวเข้าไปสมัครเรียนร้องเพลงที่โรงเรียนดนตรีมีฟ้า ของแกรมมี่

“เรียนสักสองเดือนก็มีประกวดของแกรมมี่ทั่วประเทศ สาขาของไมร่าก็ส่งไมร่าเข้าประกวด ก็ชนะ ทางโรงเรียนเขาก็งงนะ พวกครูเขาตกใจกันมาก เพราะคุณแม่กับผมร้องไม่ได้สักนิดนึง เราไม่มีอะไรที่ข้องเกี่ยวกับดนตรีในเลือดเลย ไม่มีแบบคนอื่นที่แม่เล่นเปียโนแล้วพ่อเล่นกีต้าร์... ก็งง แล้วมาจากไหน เป็นไปได้ยังไง...อย่างมีนักดนตรีแจ๊สคนหนึ่ง ดังพอสมควร เขามาคุยกับเราว่า ‘นี่ ลูกคนไม่ธรรมดานะ อายุแค่นี้’ เราก็ยิ่งรู้สึกว่า เออ ต้องย่ิงสนับสนุนล่ะ”

“จากนั้นเขาก็ประกวดอีกหลายเวที แล้วอีกสักสองปีหลังจากนั้น เขาก็ได้ไปงานโรงเรียนทั่วเอเชียที่ฮ่องกง ก็มีเด็กหลายร้อยคน ไมร่าก็ไปออดิชั่นจะต้องโซโล่ แล้วก็จะมีอาจารย์จาก Trinity College จากยุโรป ดังมาก คนนี้เขาเป็นที่ปรึกษาของสถาบันดนตรีดังๆ หลายแห่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ เขาฟังไมร่าร้องเพลงแล้วบอกผมทีหลังว่าเขาตกใจ บอกว่าไมร่ามีวิธีเปลี่ยนโน๊ตได้แบบถูกต้อง เก่งมาก แกงงเพราะเมืองไทยไม่มีวัฒธรรมอะไรที่เขาควรจะทำได้ แกบอกว่าเหมือนเด็กเดินเข้ามาเห็นโจทก์ฟิสิกซ์ โจทย์เลขแล้วทำได้เลย เหมือนเขามีอะไรในสมอง บอกว่าสอนดนตรีมา 35 ปี เจอแบบไมร่าแค่สองคน ไมร่าเป็นคนที่สอง ก็ตื่นเต้นกันมาก บอกว่า นี่! คุณต้องสนับสนุนเด็กคนนี้มากๆ นะ”

ความสนับสนุนของพ่อและแม่ รวมถึงการเป็นกองเชียร์ให้ น้องไมร่า สมัครเข้าประกวดในรายการ Thailand’s Got Talent จนกลายเป็นแชมป์คนแรกของรายการ เมื่ออายุเพียงแค่ 13 ปีด้วย...

มาถึงเหตุการณ์ในปัจจุบัน ที่น้องไมร่า มณีภัสสร มอลลอย กำลังอยู่ระหว่างขึ้นเวทีประกวดในรายการ Rising Star รอบหกคนสุดท้ายในวันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคมนี้...

“เขายังเด็กนะครับ อายุแค่ 16 ปี เขาก็ตื่นเต้นมาก เราก็สงสาร ความเป็นพ่อนะ เราก็ห่วง ก็คุยกับเขา เราจะมีเวลาอาทิตย์หนึ่งใช่ไหม ก็จะคุยกันว่าเพลงเป็นยังไง ควรรู้สึกอย่างไร แต่สุดท้าย มันก็ต้องมาจากเขาเอง เพราะเวลาแสดงเราจะขึ้นไปจับมือลูกไม่ได้ ใช่ไหม เราก็แค่อยากให้เขารู้สึกดี ให้เขาเข้าใจว่าบางครั้ง เราก็ชนะ บางทีเราก็แพ้ อะไรแบบนี้ ไม่ต้องใช้เรื่องนี้เป็นไม้วัดตัวเอง แล้วไมร่าเขาจะมีคำพูดของตัวเองว่าเขาจะทำเต็มที่ ทำเต็มที่แล้วคุณจะเสียใจทำไม เพราะคุณทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เขาพูดของเขาเอง”

นอกจากการดูแลลูกในฐานะ “ศิลปิน” ดาวรุ่งของอเมริกาแล้ว จอห์น มอลลอย ยังต้องดูแลลูกสาวในฐานะนักเรียนเกรด 12 ของเบฟเวอร์ลีฮิลล์ ไฮสกูล ด้วย

“จริงๆ ไมร่าเทียบได้ไฮสกูล ดีโปรม่า จากเมืองไทยมาแล้ว (Shrewsbury International School) ถือว่าจบแล้ว แต่เขาบอกว่าอยากเรียน อยากรู้ว่านักเรียนที่อเมริกาเป็นยังไง เพื่อนๆ ก็ไม่เข้าใจ เรียนอีกทำไม ทรมาน เรียนยาก จะเรียนอีกทำไม แต่เขาอยากมีเพื่อน มีสังคมที่นี่ แล้วเขาเรียนเก่ง เทอมที่แล้ว จีพีเอ (เกรดเฉลี่ย) เขาได้ 4.2”

จะว่าไปแล้ว ในครอบครัวนี้ คนเก่งไม่ใช่มีเพียงน้องไมร่าเพียงคนเดียว เพราะน้องไนน่า (ปุณณิกา มอลลอย) น้องคนเล็กของบ้านก็ฉายแววให้เห็นถึงความสามารถในการร้องเพลง (และการแสดง) ให้เห็นชัดเจนมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน...

“ไนน่าเพิ่งเข้าโรงเรียน Los Angeles County High School for the Arts เป็นโรงเรียนการแสดงที่เข้ายากมาก เขาบอกว่าเป็นท็อปไฟว์ของอเมริกา ไนน่าก็ไปออดิชั่น ทั้งแอ๊คติ้งกับร้องเพลง โรงเรียนก็บอกยินดีรับทั้งสองอย่างเลย...”

ถามปิดท้ายว่าที่ลูกสองคนเก่งแบบนี้ เป็นเพราะพ่อหรือแม่

“ได้มาจากสองคนเลยนะ” จอห์น มอลลอย ตอบ “เพราะแม่น่ะ จริงๆ เสียงเพราะนะ แต่หูไม่ได้ เพี้ยนตลอดเลย ผมเสียงแย่ แต่หูดี เหมือนลูกจะเอาส่วนดีของทั้งพ่อและแม่มารวมกัน”

ถามว่าหลังจากที่น้องไมร่า กลายเป็น “ดาวรุ่ง” มีชื่อเสียง และมีอนาคตอันสดใสในอเมริกาแบบนี้... อนาคตข้างหน้าของพ่อและแม่คงจะต้องผูกอยู่กับลูกที่อเมริกาหรือเปล่า

คนเป็นพ่อพยักหน้า... 

“เราเลี้ยงลูกแบบคนไทยนะ เราใกล้ชิดเขามาก ตั้งแต่ลูกเกิดจนถึงวันนี้ แทบไม่เคยแยกกันเลย เราใส่ใจมากๆ จะไม่บ่อยที่เราปล่อยให้ลูกไปเที่ยวกับเพื่อน เวลาขอไปเที่ยวก็บอกไปสิ แต่เอาพ่อหรือแม่ไปด้วยนะ ลูกจะ แอ๊! แต่เขาเข้าใจเพราะมันเป็นวัฒนธรรมไทยของเรา”... 

เขาย้ำคำว่า “ของเรา” ต่อท้ายคำว่า “วัฒนธรรมไทย” ชัดถ้อยชัดคำ...

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
24-04-2024 จับ (ซะที) สามโจรทุบร้านไทยและ ฯลฯ กว่า 130 แห่งในแคลิฟอร์เนีย (0/386) 
23-04-2024 เตรียมปรับผังแอลเอเอ็กซ์ครั้งใหญ่ รับ “บอลโลก-โอลิมปิก (0/84) 
22-04-2024 จับโจร “งัดแมนชั่น” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ (0/181) 
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/300) 
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/286) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข