สำนักงานตำรวจเมืองลอส แอนเจลิสน (แอลเอพีดี) แถลงเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2024 ว่าได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาเพศชาย วัย 29 ปี ชื่อ อีเฟรม แมทธิว ฮันเตอร์ หลังจากงัดแงะเข้าไปในแมนชั่น เก็ตตี้เฮาส์ ซึ่งเป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของ คาเรน บาสส์ นายกเทศมนตรีเมืองลอส แอนเจลิส โดยการจับกุมมีขึ้นโดยปราศจากการขัดขืนใดๆ

โดยเหตุการณ์งัดบ้านพักนายกเทศมนตรี ซึ่งอยู่บนถนน เซาท์ เฮอร์วิง ย่านแฮนค็อค ปาร์ค นั้น เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.40 น. โดยผู้ต้องหาได้ทุบกระจกหน้าต่างด้านหลังบ้าน ก่อนจะมุดเข้าไป โดยขณะเกิดเหตุนั้น ทั้งนายกเทศมนตรีและครอบครัวอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว แต่ทุกคนปลอดภัยและไม่มีการเผชิญหน้ากับผู้ต้องหา

ข่าวของเอ็นบีซี 4 ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ต้องหารายนี้ เป็นชาวเมืองลอส แอนเจลิส แต่มีประวัติเคยถูกจำคุกจากข้อหาทำร้ายร่างกายในรัฐแมสซาชูเส็ทท์ และว่าหลังจากเข้าไปในบ้านแล้ว เขามีเวลาเดินรื้อค้นทั่วบ้าน ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึง

ส่วนแรงจูงใจในการงัดแงะบ้านพักของนายกเทศมนตรี รวมถึงมูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น ข่าวบอกว่าอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่

คืนเดียวกัน นายกเทศมนตรีได้ออกแถลงการณ์ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

ข่าวได้สัมภาษณ์ประชาชนที่อาศัยอยู่ในละแวกนั้น โดยหลายคนบอกว่าในช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับบ้านหลายหลัง แต่ที่รู้สึกแปลกใจคือบ้านพักของนายกเทศมนตรี ที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ก็ตกเป็นเป้าหมายคนร้ายได้เช่นกัน

ทั้งนี้ เก็ตตี้เฮาส์ สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1951 มีการเปลี่ยนเจ้าของหลายครั้ง ก่อนกลายเป็นทรัพย์สินของเทศบาลเมืองลอส แอนเจลิส และเริ่มใช้เป็นบ้านพักประจำตำแหน่งของนายกเทศมนตรี ครั้งแรกในปี 1977 ในสมัยของ ทอม แบรดเลย์ ส่วนคาเรน บาสส์ นายกฯ คนปัจจุบัน ย้ายเข้ามาอาศัยในแมนชั่นหลังนี้หลังสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคม 2023

อนึ่ง แมนชั่นหรู ที่เป็นบ้านพักของนากยเทศมนตรี นั้น อยู่ห่างจากบ้านพักของกงสุลใหญ่ ณ นครลอส แอนเจลิส เพียงหนึ่งช่วงถนน โดยในช่วงต้นปีที่ผ่านมา บ้านพักของกงสุลใหญ่ฯ ก็เคยถูกคนร้ายทุบกระจก และบุกเข้ามารื้อค้นทรัพย์สินในบ้านเช่นกัน โดยนายกต่อ ศรลัมพ์ กงสุลใหญ่ฯ กล่าวกับสยามทาวน์ยูเอส ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่ไม่มีคนอยู่บ้าน คนร้ายจึงรื้อค้นอย่างละเอียด แต่ตนและครอบครัว รวมถึงเจ้าหน้าที่ในบ้าน ไม่ได้เก็บทรัยพ์สินมีค่าไว้ในบ้าน คนร้ายจึงได้เพียง “เศษเงิน” เป็นธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ที่ตนแลกเอาไว้ทำบุญตอนไปวัดเท่านั้น.