เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2024 องค์กรเอ็นจีโอชื่อ Crosstown L.A เปิดเผยว่า ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ในเขตเมืองลอส แอนเจลิส แล้วถึง 77 ราย ซึ่งหากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะลบสถิติสูงสุดที่ 343 รายของปี 2023 อย่างแน่นอน

โดย Crosstown LA วิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานของสำนักงานตำรวจเมืองลอส แอนเจลิส โดยนับรวมทั้งการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์กับรถยนต์ และรถยนต์ชนคนเดินถนน จักรยาน หรือพาหนะอื่นๆ

รายงานบอกด้วยว่า การเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ชนแล้วหนี ในแอลเอ เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า ในช่วงสามปีที่ผ่านมา คือเพิ่มจาก 56 รายในปี 2020 เป็น 108 รายในปี 2023 ส่วนปี 2024 นั้น นับถึงวันที่ 6 เมษายน มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุชนแล้วหนีแล้วถึง 31 ราย

อย่างไรก็ตาม Crosstown LA บอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในแอลเอ นั้น กำลังเกิดขึ้นในเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ เช่นกัน ทั้งนี้เป็นเพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่นมีรถยนต์ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากขึ้น เมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะกับคนเดินถนน จะส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงมากขึ้นกว่ารถยนต์ขนาดกลางและเล็ก นอกจากนี้ ยังมีส่วนมาจากพฤติกรรมของผู้ใช้รถยนต์ ที่ไม่คาดเข็มขัดนิรภัยมากขึ้น

พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์มากที่สุดของลอส แอนเจลิส ในช่วงสามเดือนแรกของปี 2024 คือ ดาวน์ดาวน์ (19 ราย) ตามมาด้วย ซันแวลเล่ย์ (15 ราย), พาคอยม่า (12 ราย), แมนเชสเตอร์ สแควร์ (11) และนอร์ธริดจ์ (11 ราย)

โดยเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ชาวแอลเอ ได้โหวตสนับสนุนมาตรการ เอชแอลเอ (Measure HLA) ซึ่งอ้างว่าจะทำให้ท้องถนนในเมืองลอส แอนเจลิส มีความปลอดภัยสำหรับคนเดินถนนและรถจักรยานให้มากขึ้น จากการเพิ่มเส้นทางจักรยานและรถบัส (bike and bus lanes) ซ้อนบนถนนหนทาง ให้มากขึ้นกว่าปัจจุบันอีกหลายร้อยไมล์ แม้ว่ามาตรการดังกล่าว จะถูกคัดค้านอย่างรุนแรงโดยผู้รักษากฎหมาย และกลุ่มผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป ที่กังวลว่ามาตรการดังกล่าว จะทำให้ท้องถนนของแอลเอ มีอันตรายมากขึ้นกว่าเดิม.