เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2021 องค์กรพิทักษ์สัตว์ พีต้า (the Ethical Treatment of Animals) แถลงว่า บริษัทอัลเบิร์ทสัน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองบอยซี รัฐไอดาโฮ่ เจ้าของตลาดอัลเบิร์ทสันกว่า 2,323 สาขา (608 สาขาในรัฐแคลิฟอร์เนีย) รวมถึงตลาดในเครือ คือ เซฟเวย์ ได้หยุดจำหน่ายกะทิกระป๋อง ชาวเกาะ ของไทย ตามคำร้องขอของพีต้า แล้ว ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่รายล่าสุดของอเมริกา ที่ประกาศเลิกยุ่งเกี่ยวกับสินค้าไทยชนิดนี้ หลังจากที่หลายแห่ง เช่นคอสท์โก้ ทาร์เก็ต เวคแมน ฯลฯ ได้เลิกขายกะทิชาวเกาะไปก่อนแล้
เทรซี ไรแมน รองประธานฯ พีต้า ระบุในแถลงการณ์ด้วยข้อความเดิมๆ กล่าวคือบอกว่าผู้ผลิตกะทิชาวเกาะใช้แรงงานลิงในการเก็บมะพร้าว มีการล่ามโซ่และทุบตีลิง ทำให้ร้านค้าที่ยังมีคุณธรรม (conscience) ไม่สามารถวางกะทิชาวเกาะบนหิ้งในร้านได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข่าวของ Lewiston Tribune สื่อท้องถิ่นของไอดาโฮ่ บอกว่า ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า อัลเบิร์ทสัน ได้หยุดจำหน่ายกะทิชาวเกาะจริงหรือไม่ โดยอ้างคำสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ของ คริส วิลค็อค ซึ่งเป็นโฆษกของอัลเบิร์ทสัน ที่ปฏิเสธไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้แต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ นางขวัญนภา ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอส แอนเจลิส (ไทยเทรด แอลเอ) ให้สัมภาษณ์สยามทาวน์ยูเอส ถึงเรื่องนี้ว่า พีต้า เริ่มเคลื่อนไหวกดดันธุรกิจค้าปลีกในสหรัฐฯ มาตั้งแต่ปลายปี 2018 ซึ่งทางรัฐบาลและภาคเอกชนได้ร่วมมือกันทำงานให้ข้อมูลที่ถูกต้องมาโดยตลอด แต่ พีต้า ไม่ยอมรับฟังคำชี้แจงใดๆ
“ขอเป็นข้อสังเกตุส่วนตัวนะคะ ในช่วงแรกเราก็สงสัยแปลกใจมาก ยอมรับว่าในช่วงแรกก็เคยลองไปดูข้อมูลเหมือนกัน แต่อันนี้ไม่ได้มั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์นะ คิดว่าอาจจะมีอุตสาหกรรมมะพร้าวหรือกะทิจากบางประเทศที่ได้อานิสงค์จากการที่กะทิไทยเราได้รับผลกระทบ ก็เป็นไปได้”
นอกจากนี้ ผ.อ.ไทยเทรด แอลเอ ยังบอกด้วยว่าสถานการณ์ของกะทิชาวเกาะในอเมริกา ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ปรากฎเป็นข่าว เพราะนอกจากธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา อย่างวอลมาร์ท จะยังมีความเชื่อมั่นในสินค้าไทยแล้ว คอสท์โก้ ซึ่งเคยระงับการจำหน่ายกะทิชาวเกาะไประยะหนึ่งนั้น ก็ได้กลับมาจำหน่ายกะทิของไทยแล้ว
“คอสท์โก้เขาขอแค่ว่าในระหว่างหาข้อมูลข้อเท็จจริง ยังจะไม่มีการสั่งออร์เดอร์เพิ่ม คอสท์โก้ก็ได้หาทางออกกับทางเทพผดุงพรฯ ในเรื่องของ Traceability หรือระบบการตรวจสอบย้อนกลับ แล้วก็ตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าฟาร์มทุกฟาร์มที่ส่งสินค้าให้เทพผดุงพรฯ ไม่มีการใช้แรงงานลิง พอเขามั่นใจในหลักฐานเหล่านี้แล้ว ตอนนี้คอสท์โก้กลับมาสั่งใหม่แล้วค่ะ”
นอกจากนี้ กระแสข่าวด้านลบที่เกิดขึ้น ยังไม่ส่งผลกระทบกับยอดนำเข้าสินค้ากะทิไทยมายังอเมริกาแต่อย่างใด เพราะตลาดที่ พีต้า พยายามกดดันเป็นตลาดในกระแสหลัก (ตลาดอเมริกัน) ซึ่งมียอดจำหน่ายกะทิน้อยกว่าตลาดเอเชีย
“ตลาดใหญ่จะเป็นตลาดเอเชียกับตลาดร้านอาหาร ซึ่งต้องเรียนว่าตัวเลขการส่งออกทั้งหมดของกะทิไทยมายังอเมริกาในปีที่ผ่านมาไม่ได้ลดลง เป็นบวกด้วยซ้ำ”
ทั้งนี้ ไทยส่งออกผลิตภัณฑ์กะทิ (ทุกยี่ห้อ) มาจำหน่ายในอเมริกา คิดเป็นมูลค่าประมาณกว่า 200 ล้านดอลลาร์ โดยมีการขยายตัวในปี 2020 ประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์.
ชมคลิปสัมภาษณ์ ผอ.ไทยเทรด กรณีกะทิชาวเกาะถูกแบน https://www.youtube.com/watch?v=j_DMsG0nyJg