แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : “โจ ไบเดน” ยกเลิกคำสั่งระงับใบเขียวของ “ทรัมป์” ในช่วงวิกฤตโควิด-19 แล้ว หลังจากคำสั่งอื้อฉาวส่งผลกระทบแรงกับตลาดแรงงาน รวมถึงสมาชิกครอบครัวของชาวอเมริกัน-ผู้ถือใบเขียว และผู้ได้รับล็อตโต้ใบเขียวอย่างรุนแรง
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2021 ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ได้ลงนามในคำสั่งยกเลิกคำสั่งพิเศษของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ระงับการขออพยพถิ่นฐานเข้าสู่สหรัฐฯ สำหรับสมาชิกครอบครัวของพลเมืองสหรัฐ, ผู้มีถิ่นพำนักถาวร (ใบเขียว) รวมไปถึงผู้ที่ได้รับเลือกตามโครงการล็อตโต้วีซ่า ตามที่ทรัมป์อ้างว่าชาวต่างชาติเหล่านี้จะมาแย่งงานชาวอเมริกัน และทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ตกต่ำมากขึ้นในช่วงวิกฤตโควิด-19
คำสั่งระงับการให้ใบเขียวของทรัมป์ดังกล่าวนี้ แต่เดิมมีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2020 แต่ทรัมป์ได้ประกาศต่ออายุออกไปจนถึงสิ้นเดือนมีนาคม 2021
ประธานาธิบดีไบเดน กล่าวถึงสาเหตุที่ยกเลิกคำสั่งพิเศษของทรัมป์ว่า “การปิดประตูไม่ต้อนรับผู้ขอเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่เป็นผลดีต่อสหรัฐฯ แต่อย่างใด”
“มันเป็นผลร้ายกับสหรัฐอเมริกา เป็นการกีดกันไม่ให้สมาชิกของครอบครัวชาวอเมริกัน และผู้มีถิ่นพำนักถาวรในสหรัฐฯ ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวของพวกเขาที่นี่ และมันยังเป็นผลร้ายกับอุตสาหกรรมต่างๆ ในสหรัฐฯ ที่ต้องใช้ทักษะจากแรงงานทั่วโลกอีกด้วย” โจ ไบเดน ประกาศ
คำสั่งของทรัมป์ มีผลกับวีซ่าทำงานทุกสาขาอาชีพ โดยจะรับพิจารณาเพียงสาขาอาชีพที่เป็นประโยชน์กับสหรัฐฯ เช่นแพทย์และพยาบาลเท่านั้น โดยข่าวอ้างข้อมูลจากสมาคมทนายความอิมมิเกรชั่นสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ตลอดปี 2020 ที่ผ่านมา มีการปฏิเสธวีซ่าครอบครัวชาวอเมริกันไม่ต่ำกว่า 120,000 ครอบครัวเพราะคำสั่งของทรัมป์ และว่าผู้อพยพที่อยู่ถาวรในสหรัฐฯ (ใบเขียว) ไม่มีสิทธิ์ยื่นเรื่องนำครอบครัวเข้ามาสหรัฐฯ นอกจากเปลี่ยนสัญชาติแล้ว และยื่นเรื่องให้ภรรยา หรือลูกที่มีอายุต่ำกว่า 21 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ คำสั่งอื้อฉาวของทรัมป์ดังกล่าว ยังส่งผลให้ผู้ที่ได้รับเลือกให้ยื่นขอวีซ่าเพื่ออพยพเข้าสู่สหรัฐตามโครงการล็อตโต้วีซ่าในปี 2020 รวมไปถึงผู้ที่ได้รับวีซ่าดังกล่าวแล้วนั้น ต้องเสียโอกาสไปอีกด้วย เพราะผู้ได้โชคดีได้รับวีซ่าประเภทนี้ จะต้องใช้ภายในเวลาหกเดือน ซึ่งในประเด็นนี้ ข่าวบอกว่ายังไม่แน่ชัดว่าผู้ได้รับล็อตโต้วีซ่า ซึ่งเสียโอกาสเพราะคำสั่งของทรัมป์ จะได้รับการชดใช้ใดๆ หรือไม่
โดยประธานาธิบดีไบเดน กล่าวแต่เพียงว่าเขาจะผลักดันให้มีการเพิ่มจำนวนล็อตโต้วีซ่าสำหรับประชาชนจากประเทศที่เป็นชนกลุ่มน้อยในสหรัฐฯ จากปีละ 55,000 ฉบับในปัจจุบัน เป็น 80,000 ฉบับ