สำนักงานตำรวจเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2019 ถึงคดีที่สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ได้กว้างขวางในช่วงหลายวันที่ผ่านมา นั่นคือการจับกุมคุณพ่อชาวเอเชียคนหนึ่ง ที่แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกสาววัยสามขวบถูกลักพาตัวไปพร้อมกับรถยนต์ของเขา ก่อนเรื่องจะถูกเปิดเผยภายหลังว่าเป็นเพียงการแจ้งความเท็จ เพื่อให้ตำรวจระดมกำลังออกตามหารถยนต์ของตัวเองโดยเร็ว

เหตุการณ์ปล้นชิงรถยนต์ เกิดขึ้นในช่วงค่ำของวันเสาร์ที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา และการแจ้งความเท็จของคุณพ่อหัวหมอ ทำให้สำนักงานตำรวจเมืองโอ๊คแลนด์ และสำนักงานตำรวจทางหลวงของแคลิฟอร์เนีย (CA Highway patrol) ต้องออกประกาศ “แอมเบอร์ อะเลิร์ท” ซึ่งเป็นระบบแจ้งเหตุเด็กถูกลักพาตัวไปยังทุกหน่วยงาน รวมถึงประชาชนทั่วพื้นที่เกิดเหตุ ทั้งทางป้ายสัญญาณจราจรริมถนนและบนฟรีเวย์ โทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลมีเดียของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแจ้งเตือนทางโทรศัพท์มือถือของประชาชนด้วย

ประกาศ แอมเบอร์ อะเลิร์ท ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบรถที่ถูกขโมยได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ส่งผลให้คุณพ่อถูกจับกุมในตอนเช้าของวันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม ด้วยข้อหาแจ้งความเท็จต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาจจะถูกตั้งข้อหาอาญาอื่นๆ อีกจากสำนักงานอัยการของอลามีด้า เคาน์ตี้ เพิ่มเติมด้วย

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ได้เปิดเผยชื่อของคุณพ่อหัวหมอรายนี้

ข่าวให้รายละเอียดต่อไปว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นในค่ำวันเสาร์ ขณะที่คุณพ่อรายนี้แวะซื้อของที่ร้านค้าริมถนนโดยไม่ดับเครื่องยนต์ และเมื่อกลับออกมาก็เห็นว่ารถเบนซ์ ปี 2005 สีเงินของเขาถูกชายคนหนึ่งขับออกไป ดังนั้นจึงโทรศัพท์แจ้งความ โดยบอกว่าลูกสาววัยสามขวบของเขาอยู่ที่เบาะหลังของรถคันดังกล่าว

ระบบแอมเบอร์ อะเลิร์ท ซึ่งจะถูกนำมาใช้ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ลักพาตัวเด็ก หรือเหตุการณ์ร้ายแรงถึงชีวิต ช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เบาะแสของรถยนต์ที่ถูกขโมยได้ในช่วงก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย แต่ระหว่างการจับกุม คนร้ายได้พยาพยามหลบหนี เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น 

ข่าวได้ระบุว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนั้น มีผู้บาดเจ็บหรือไม่ แต่รูปของรถยนตร์ที่ปรากฎระหว่างการแถลงข่าวของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น มีร่องรอยความเสียหายค่อนข้างรุนแรง

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่พบเด็กหญิงวัยสามขวบในรถ ทำให้ความเคร่งเครียดของสถานการณ์ทวีขึ้น โดยเจ้าหน้าที่พยามสอบปากคำของผู้ต้องหาขโมยรถยนต์ และระดมกำลังออกตามหาเด็กหญิงนานเกือบสองชั่วโมง ก่อนจะได้รับแจ้งว่าเด็กหญิงคนดังกล่าว อยู่กับแม่ของเธอตลอดเวลา และไม่ได้ถูกลักพาตัวแต่อย่างใด

และเมื่อมีการสอบปากคำคุณพ่อ ผู้เป็นเจ้าของรถอีกครั้ง ก็ได้รับคำสารภาพว่าเป็นเพียงการแจ้งความเท็จ หวังให้ตำรวจเร่งออกตามหารถยนต์ของตัวเองคืนมาให้เร็วขึ้นเท่านั้น.