ไทมส์ รายงานข่าวเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบอกปัจจุบันนี้ ว่าสำนักงานอิมมิเกรชั่น จะใช้เวลามากถึงสองปี ในการพิจารณาอนุมัติให้สัญชาติอเมริกันกับผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน จากเดิมที่เคยใช้เวลารอเพียงประมาณหกเดือนเท่านั้น และว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ถูกนักกฎหมายและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของคนกลุ่มน้อย มองว่าเป็นการ “ถ่วงเวลา” ของรัฐบาลกลาง ไม่ให้กลุ่มคนที่เชื่อว่าไม่สนับสนุนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งกลางเทอม ที่ผ่านพ้นไปเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ให้ความเห็นกับแอลเอไทมส์ ด้วยว่า โดยปกติแล้ว จำนวนผู้ยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติจะเพิ่มขึ้นในช่วงก่อนจะมีการปรับค่าธรรมเนียมขอเปลี่ยนสัญชาติ กับช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดี เพราะชาวต่างชาติที่มีคุณสมบัติครบถ้วนจะรู้สึกตื่นเต้น และต้องการมีส่วนร่วมในการสนับสนุนบุคคลที่พวกเขาต้องการให้เข้าไปบริหารประเทศด้วย

ข่าวบอกว่า จำนวนชาวต่างชาติที่ยื่นเรื่องขอเปลี่ยนสัญชาติเป็นชาวอเมริกัน เพิ่มสูงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2016 ซึ่งเป็นปีที่ประธานาธิบดีทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง และชูโนบาย “แอนตี้อิมมิแกรนท์” อย่างจริงจัง โดยข่าวบอกว่าตัวเลขผู้ยื่นขอเปลี่ยนสัญชาติเพิ่มขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อนหน้านั้น ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า หรือ backlog มากขึ้น

ไทมส์ บอกด้วยว่า กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของคนกลุ่มน้อย กำลังยื่นขออำนาจศาลในลอส แอนเจลิส เรียกร้องให้รัฐบาล เปิดเผยถึงข้อมูลและหลักฐาน ตามที่อ้างว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้กระบวนการพิจารณาล่าช้า โดยกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าวตั้งข้อสังเกตุว่าความล่าช้าจะเกิดขึ้นในรัฐที่เป็น “สมรภูมิเลือกตั้ง” มากกว่ารัฐที่เป็นฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน ดังนั้นจึงสามารถมองได้ว่าเป็นการเจตนาดึงเรื่องให้ช้า เพื่อหวังผลทางการเมือง

พร้อมกันนี้ กลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าว บอกว่ากำลังเร่งรณรงค์ให้ชนกลุ่มน้อยที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เร่งยื่นเรื่องขอเปลี่ยนสัญชาติตั้งแต่ขณะนี้ หากต้องการมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งใหญ่ของอเมริกาในปี 2020 เพราะเชื่อว่าปัญหาความล้าช้า จะยังคงเป็นไปอีกนาน หากประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงอยู่ในตำแหน่ง

ไทมส์ บอกด้วยว่าปัญหาความล้าช้าไม่ใช่เรื่องใหม่ของสำนักงานอิมมิเกรชันสหรัฐฯ แต่โดยปกติแล้ว ความล้าช้ามักจะเกิดขึ้นในขบวนการพิจการณาเรื่องลี้ภัย หรือการเนรเทศ แต่การพิจารณาให้สัญชาติกับผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนนั้น ไม่เคยเป็นปัญหามาก่อนในรอบหลายปีที่ผ่านมา

โดยเฉลี่ยแล้ว ระยะเวลาที่สำนักงานอิมมิเกรชั่นในการพิจารณาให้สัญชาติอเมริกันกับผู้ยื่นเรื่องนั้น จะกินเวลาตั้งแต่ 10 เดือนขึ้นไป เช่นที่แอทแลนต้า ต้องใช้เวลารอถึง 22 เดือน ขณะที่เท็กซัส ต้องรอนานถึง 26 เดือน

เกี่ยวกับเรื่องนี้ สำนักงานอิมมิเกรชั่น แถลงว่าสาเหตุที่ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการพิจารณาให้สัญชาติกับผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาจากปริมาณของใบสมัครที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และว่าในปี 2017 ที่ผ่านมา  สำนักงานต้องพิจาณา ทั้งอนุมัติและไม่อนุมัติแบบฟอร์มขอเปลี่ยนสัญชาติมากถึง 850,000 ใบ เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ รวมถึงบอกด้วยว่าขณะนี้ มีแบบฟอร์มรอการพิจารณามากกว่า 700,000 ใบ

ข่าวบอกด้วยว่า การเปลี่ยนสัญชาติเป็นคนอเมริกัน ผู้ยื่นจะต้องมีใบเขียวมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามปี ขณะเดียวกันก็ต้องแสดงให้เห็นว่าได้ทำตัวเป็นพลเมืองดี รวมถึงผ่านการทดสอบความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับประเทศอเมริกาด้วย