ปรากฏการณ์ "ก้าวคนละก้าว" ถูกสื่อหลายสำนักยกให้เป็นเหตุการณ์แห่งปีที่สร้างแรงบันดาลใจ และแสดงให้เห็นถึงความรักและสามัคคีของคนไทย
"เมื่ออาชีพในฝันกลายเป็นงานประจำ เราจะไปต่ออย่างไร" อาทิวราห์ คงมาลัย หรือตูน นักร้องนำวงบอดี้สแลม เคยตั้งคำถามนี้กับตัวเองหลายครั้ง
แม้ประสบความสำเร็จระดับ "ร็อคสตาร์" แถวหน้าของเมืองไทย-มีแฟนคลับทั่วทั้งประเทศ แต่เขายอมรับว่าบางครั้ง "รู้สึกเหงา" บนเวทีคอนเสิร์ตที่จัดแสดงต่อหน้าแฟนเพลงนับพัน
"พอเป็นอาชีพ มันมีเวทีคอนเสิร์ตที่เราต้องไปขึ้น ทั้งที่เราก็ไม่ได้อยากร้องเพลงทุกวัน ความรู้สึกมันต่างจากวัยเด็กที่เราอยากร้องเพลงทุกวัน" ร็อคสตาร์วัย 39 ปีระบุ
เวลาเกินกว่าครึ่งชีวิตของตูนถูกใช้จ่ายไปในแวดวงดนตรี จาก "เด็กวัยขาสั้น" ที่ออกไล่ล่าความฝันร่วมกับเพื่อนนักเรียนโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ขยับเข้าใกล้ความจริงเมื่อคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวทีการประกวด "ฮอตเวฟ มิวสิค อวอร์ด" ครั้งที่ 1 ในปี 2539 ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลง "มิวสิก บั๊กส์" ก่อนมีอัลบั้มเพลงเป็นของตัวเองในอีก 1 ปีหลังจากนั้น
21 ปีผ่านไป... ตูนกับเพื่อนสะสมประสบการณ์-ความสำเร็จ-ชื่อเสียง ผ่านผลงานเพลง 8 อัลบั้มซึ่งใช้ "ความเชื่อ" และ "ความฝัน" คอยกำกับทิศทาง เขากลายเป็น "ไอดอลของวัยรุ่นไทย" นั่นดูเหมือนเป็น "จังหวะชีวิต" ที่ดี
ทว่าใครจะรู้ว่า "จังหวะหัวใจ" ที่เต้นไปตามปกติ ทำให้ตูนเกิดความรู้สึก "ว้าวุ่น" ระคนกับ "ฟุ้งซ่าน" ในยามต้องออกไปทำสิ่งเดิม ๆ ทำไปตามรูปแบบเดิม ๆ ที่เขาคาดเดาได้และยากจะหาความท้าทายใหม่ ๆ
เขาขบคิดเรื่องนี้อย่างหนักหน่วง-ยาวนาน กระทั่งได้พบ "สนามใหม่" ของชีวิตนั่นคือ "การวิ่ง" ซึ่งช่วยเปิดประตูไปสู่ "ชีวิตที่ 2" ก่อนเกิดปรากฏการณ์หน้าสำคัญของประเทศเมื่อปี 2560 ผ่านโครงการ "ก้าวคนละก้าว" เพื่อระดมเงินบริจาคนำไปช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ นักวิ่ง-นักร้องใช้เวลา 55 วันในการวิ่งจาก อ.เบตง จ.ยะลา พื้นที่ปลายสุดของด้ามขวาน สู่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย เหนือสุดของประเทศ รวมระยะทาง 2,215 กม. ระดมเงินบริจาคจากคนไทยทั้งประเทศได้สูงถึง 1,142 ล้านบาท
งานนี้นอกจาก "ความเชื่อ" เขาต้องใช้ทั้ง "ความกล้า" และ "ความบ้า" ทว่าในทุกย่างก้าวของตูนไม่ได้เป็นไปอย่างบ้าคลั่ง แต่มาจากการถอดบทเรียนจากโครงการ "ก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน" ในปี 2559 ซึ่งตูนวิ่งจาก กทม. ไป อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ระดมทุนบริจาคได้ 85 ล้านบาท จากนั้นมองหาความเป็นไปได้-ประเมินศักยภาพตัวเอง-คำนวณทางสถิติ ก่อนคิดออกมาเป็นสูตรวิ่ง
"ตอนไปบางสะพาน 400 กม. มันคือการวิ่งเพื่อโรงพยาบาลเดียว แต่ครั้งนี้วิ่งเพื่อ 11 โรงพยาบาล เราต้องการเงินมากขึ้นเพื่อไปกระจายให้ทั่วทุกโรงพยาบาลอย่างเป็นรูปธรรม ผมก็มี 2 ทางเลือก ไม่วิ่งจากตะวันออกสุดไปตะวันตกสุด ระยะทางกว่า 800 กม. ซึ่งน่าจะทำได้ไม่ยากเพราะเพิ่มมาอีกเท่าตัวเดียว หรือไม่ผมก็ต้องวิ่งจากใต้สุดขึ้นเหนือสุด 2 พันกว่า กม. ซึ่งผมเชื่อของผมว่าทำได้ และนอกจากวิ่งเพื่อโรงพยาบาล มันคือการวิ่งเพื่อท้าทายขีดความสามารถของตัวเราเองด้วย"
อย่างไรก็ตามผ่านไปเพียง 18 วัน หรือคิดเป็น 1 ใน 3 ของระยะทางทั้งหมด สภาพร่างกายของตูนบอบช้ำหนัก สวนทางกับสภาพจิตใจที่ยังมุ่งมั่น ที่สุดแพทย์ต้องสั่งให้หยุดพัก 1 วันก่อนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ จ.ชุมพร และเมื่อกลับมาวิ่งต่อได้ 4 วัน แพทย์ตรวจพบอาการกล้ามเนื้อขาอักเสบและเจ็บเท้าเพราะถูกเหยียบขณะวิ่ง จึงมีคำขอร้องแกมบังคับให้หยุดพักอีก 3 วัน ในระหว่างนั้นทีมงานหลายคนได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมให้เขา "ลดระดับความฝัน" หรือ "ทำเป้าหมายให้ยืดหยุ่น" บ้างก็แนะว่าไม่ต้องวิ่งไปจนถึงเหนือสุดแดนสยามก็ได้เอาเท่าที่ร่างกายไปไหว บ้างก็ว่าไม่ต้องกำหนดเวลาว่าต้องจบใน 55 วันก็ได้ จะวิ่ง 2 เดือนกว่าก็ได้ แต่สิ่งที่ตูนยืนกรานกลับไปคือเขาต้องเข้าเส้นชัยในวันที่ 55 จนทีมงานสรุปเป็นเสียงเดียวว่า "ตูนโคตรดื้อ"
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ยอมรับกับข้อความนี้ "อาจจะมีบ้างที่เรามีความคิดเป็นของตัวเอง และอยากพิสูจน์ให้ตัวเองเห็น ผมไม่ค่อยมีเชื้อเพลิงในการพิสูจน์ให้คนนอกเห็นเท่าไร อันนั้นมันเหมือนเราโกรธแล้วเราอยากเอาชนะ ถ้าจะมีคำว่าดื้อคืออยากพิสูจน์ตัวเองให้ตัวเองเห็น"
เขาย้ำว่า ในเมื่อ 55 วันคือเป้าหมายที่ตั้งไว้ เขาจึงต้องการไปต่อเพื่อให้รู้ว่าทำได้หรือทำไม่ได้ ดีกว่าเลิกล้มกลางทาง แล้วมานั่งเสียใจภายหลังที่ไม่เต็มที่กับมัน ซึ่งในที่สุดเขาก็สามารถพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้ตามความเชื่อ
มีผู้นำระยะทาง 2,215 กม. จากเบตง-แม่สาย ไปคำนวณเทียบกับระยะก้าวของตูนซึ่งประมาณการณ์ว่าน่าจะอยู่ที่ 60-75 ซม./ก้าว ได้ผลลัพธ์ว่าเขาต้องวิ่งราว 2.9-3.6 ล้านก้าวตามโครงการนี้ ในแต่ละก้าวล้วนมีความสำคัญ เพราะเมื่อนำมาต่อกัน ทำให้นักวิ่งรายนี้พบกับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนเล็ก ๆ ที่อยากลุกขึ้นมาทำสิ่งใหญ่ ๆ ในสังคม
เรื่องราวตลอดเส้นทางจากเบตง-แม่สาย ถูกบันทึก-ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่อง "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่ 6 กันยายน นี้ ภายใต้โครงการ "ก้าวนี้... เพื่อศิริราช"
จิระ มะลิกุล หรือเก้ง ผู้กำกับ/โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์/ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์ GDH 559 อีกบุคคลที่เคลื่อนงานด้วย "ความเชื่อ" และ "ความกล้า" เผยแรงบันดาลใจในการทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ว่าเกิดขึ้นขณะเขาไปร่วมวิ่งระดมทุนเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน
"มันมีแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวมารอข้างถนน กำแบงค์ 20 มา มัดเป็นบึก ๆ เลยนะ รอมอบให้พี่ตูน แต่พี่ตูนแกอยู่บนรถ ยังไม่ลงมา แกก็รอนาน แม่ค้าเห็นผมยืนเกร่อยู่ตรงนั้นเลยบอกว่าฝากให้พี่ตูนด้วย ผมตอบแกว่ารอให้เองกับมือดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่ตูนก็ลงมาแล้ว แต่แม่ค้าบอกว่าฉันรอไม่ได้แล้ว หม้อก๋วยเตี๋ยวจะไหม้หมดแล้ว นั่นล่ะครับที่ทำให้ผมแปลกใจ และต้องการหาคำตอบว่าทำไมแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวถึงยอมปล่อยหม้อก๋วยเตี๋ยวเกือบไหม้ เพื่อมารอนักร้องเพลงร็อคคนหนึ่งที่ออกมาวิ่งกลางถนน และจะมีใครทำได้แบบนี้อีกหรือไม่" เก้งระบุ
ผู้กำกับหนังร้อยล้านเชื่อว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้มีพลังมากพอที่เมื่อดูแล้ว คนดูจะนำไปบอกต่อคนอื่น ๆ
"หนังเรื่องนี้มันจริง และมันเกินกว่าความคิดที่คนดูจะคาดเดาได้ว่าจะได้เห็นอะไรในหนัง" และสำหรับคอเพลงบอดี้สแลม "คุณจะตีความเพลงของบอดี้สแลมใหม่เลย คุณจะได้ประสบการณ์ใหม่ในการฟังเพลงบอดี้สแลมที่นำมาประกอบหนังเรื่องนี้ และคุณจะรู้เลยว่าทุกเพลงที่ตูนเคยร้อง เขาร้องจากชีวิตของเขา"
แต่สำหรับนักร้อง-นักวิ่ง ผู้เป็น "พระเอก" ของภาพยนตร์เรื่องนี้บอกว่า "ผมนั่งมึนอยู่ในโรง 15 นาที หลังได้ดูหนังที่ตัดต่อเวอร์ชั่นแรก เพราะมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ตอนแรก”
จากเคยคิดว่าต้องการบันทึกความทรงจำดี ๆ ระหว่างทางที่ผ่าน-พบ เป็นเหมือนไดอารีการวิ่ง แต่มวลของหนังส่วนใหญ่กลับฉายภาพตัวของตูนเสียมาก
"เราไม่อยากให้ออกมาเป็นแบบนี้ แต่สุดท้ายก็ลองเปิดหน้าต่างบานใหม่ เปิดประตูหลายๆ บานออกไป ลองมองในมุมอื่น ๆ ดูว่าถ้าหนังเรื่องนี้จะส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่น ๆ ออกมาทำแบบนี้บ้าง ก็ไม่เป็นไร" ตูนบอก...
ปี 2560 เขาลงแรงวิ่งเพื่อระดมทุนช่วย 11 โรงพยาบาล
ปี 2561 เขาหวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะวิ่งด้วยตัวมันเอง เพื่อระดมทุนอีกครั้งไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับ อาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช
…..
สำหรับคนไทยในอเมริกานั้น "2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า “2,215 The Movie” มีกำหนดฉายในสองเมืองใหญ่ นั่นคือที่นิวยอร์ค และลอส แอนเจลิส โดยเฟสบุ๊กของ GDH ให้รายละเอียดเรื่องนี้เอาไว้ว่า...
….
#ก้าว ให้ไกล แล้วไปให้ถึงอเมริกา !
วันนี้เรามีข่าวดีมาบอกคนไทยใน New York, Los Angeles, และรัฐใกล้เคียงทุกๆ ท่าน... เตรียมตัวพบกับภาพยนตร์เรื่อง ”2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว" ภาพยนตร์คลุกวงในตลอด 55 วัน ที่พี่ตูนวิ่งกับโครงการก้าวคนละก้าว (จากเบตงสู่แม่สาย) แม้ปีนี้พี่ตูนจะไม่ได้ออกวิ่งด้วยตัวเอง แต่พี่ตูนจะออกวิ่งผ่านจอภาพยนตร์ทั้งไทย และต่างประเทศ !!
พบกันที่ :
🏃♂ New York City (Auditorium No.8, Union square stadium 14, 850 Broadway, New York, NY 10003) ในวันที่ 9 กันยายน 2018 (Show time: 2 PM.)
🏃♂ Los Angeles (Auditorium No.5, LA Live Stadium 14, 1000 W Olympic Boulevard, Los Angeles, CA 90015) ในวันที่ 12 กันยายน 2018 (Show time: 8 PM.)
…..
สำหรับคนไทยในอเมริกา ที่ต้องการร่วมบริจาคเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่อาคารนวมินทรบพิตร 84พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล สามารถทำได้โดยการโอนเงินบริจาคผ่านธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) สาขาศิริราช เลขที่บัญชี 016-3-04556-7 ประเภทบัญชีกระแสรายวัน ชื่อบัญชี เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ป่วยอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช...