กลายเป็นข่าวใหญ่ที่สื่อมวลชนะระดับ “เมเจอร์” จากทั่วโลกให้ความสนใจ เมื่อนางแบบข้ามเพศ แอนเจล่า พอนซี่ วัย 26 ปี สามารถคว้ามงกุฎ “มิสยูนิเวิร์ส สเปน” โดยการเอาชนะผู้หญิงแท้อีก 22 คนได้สำเร็จจากการประกวดเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา จึงได้รับสิทธิเป็นตัวแทนของประเทศสเปน เข้าร่วมประกวด “มิสยูนิเวิร์ส 2018” ในเดือนธันวาคม ที่กระแสข่าวระบุว่าประเทศไทย จะเป็นประเทศเจ้าภาพอีกครั้ง
หลังทราบผลการประกวด แอนเจล่า พอนซี่ ส่งข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า การคว้ามงกุฎมิสยูนิเวร์ส สเปน คือ “ความฝัน” ที่เป็นจริง และว่าเป้าหมายของเธอคือการเป็นกระบอกเสียงของ “ความยอมรับ ความนับถือ และความเข้าใจในความแตกต่าง ไม่ใช่เฉพาะกลุ่ม แอลจีบีที เท่านั้น แต่เป็นการทำเพื่อโลกทั้งใบ
ชัยชนะของบนเวที มิสยูนิเวิร์ส สเปน ทำให้ แอนเจล่า พอนซี่ มีสิทธิขึ้นชิงมงกุฎ มิสยูนิเวิร์ส 2018 กับสาวงามจากทั่วโลก รวมถึง "น้องนิ้ง" โศภิดา กาญจนรินทร์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ด้วย โดยนอกจาก มิสยูนิเวิส์ส สเปนแล้ว จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฎว่ามีสาวข้ามเพศ รายอื่นใด ทีสิทธิ์เข้าร่วมประกวดมิสยูเวิร์ส ประจำปี 2018 นี้
แอนเจล่า พอนซี่ ผ่าตัดแปลงเพศครบถ้วนเมื่อเดือนเมษายน 2014 เคยสมัครเข้าประกวดเวที มิสเวิร์ล สเปน เมื่อปี 2015 โดยเป็นตัวแทนของเมืองคาดิซ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะตำแหน่งมิสเวิร์ล สเปน ตกเป็นของสาวงามจากบาร์เซโลน่า ชื่อ มีเรีย ลาลากูน่า
การประกวดมิสยูเวิร์ส 2018 ที่จะมีขึ้นในราวเดือนธันวาคมนั้น แต่เดิมมีข่าวว่าประเทศฟิลิปปินส์ จะรับเป็นประเทศเจ้าภาพอีกครั้งหลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2016 เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวต้องการปิดตัวเกาะโบราไกย์ (Boracay) อีกครั้งหลังจากที่ปิดปรับปรุงหลายปี แต่กระแสข่าวล่าสุดแจ้งว่า รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวคนใหม่ ไม่สนับสนุน ดังนั้นจึงปฏิเสธที่จะรับเป็นประเทศเจ้าภาพ และว่าขณะนี้ประเทศไทย กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขอรับเป็นประเทศเจ้าภาพการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2018 แทน
อย่างไรก็ดี แอนเจล่า พอนซี่ ไม่ใช่ “นางงามข้ามเพศ” คนแรกบนเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส เพราะเมื่อปี 2012 หรือหกปีก่อน เจนน่า ทาแลคโคว่า เคยสมัครเข้าประกวด มิสยูเวิร์ส แคนาดา และคว้ามงกุฎโดยกองประกวดไม่ทราบว่าเธอเป็นสาวข้ามเพศ ดังนั้นจึงถูกปลดจากตำแหน่ง และกลายเป็นข่าวอื้อฉาวเรื่องความไม่เท่าเทียมที่กลุ่ม “เพศที่สาม” ได้รับ ซึ่งแรงกดดันจากกลุ่มสนับสนุนสิทธิและความเท่าเทียมของกลุ่ม แอลจีบีที ดังกล่าว ทำให้กองประกวดมิสยูนิเวิร์ส ในสมัยที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังเป็นเจ้าของ ลงมติยอมรับให้สตรีแปลงเพศ เข้าร่วมประกวดได้
ดังนั้น เจนน่า ทาแลคโคว่า จึงเป็นสตรีข้ามเพศคนแรกบนเวที มิสยูนิเวิร์ส ซึ่งผลการประกวดในปีนั้น เธอไม่ผ่านเข้ารอบสิบคน แต่ก็สามารถคว้าตำแหน่งนางงามมิตรภาพ หรือ Miss Congeniality ไปครอง
นอกจากนี้ ยังมีข่าวใหญ่เกี่ยวกับการประกวดนางงามอีกข่าวที่สื่อมวลชนในกระแสหลักของอเมริกาให้ความสนใจ นั่นคือการที่เวทีประกวด มิสอเมริกา ได้ประกาศยกเลิกการประกวดในชุดว่ายน้ำ เริ่มจากการประกวด มิสอเมริกา 2019 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 9 กันยายน ศกนี้ ที่แอทแลนติก ซิตี้ รัฐนิวเจอร์ซี
โดยเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ที่ผ่านมา กองประกวดมิสอเมริกา ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่า จะไม่มีการให้คะแนนความงามของผู้เข้าประกวดมิสอเมริกา ในรอบชุดว่ายน้ำอีกต่อไป เพราะไม่ต้องการให้ผู้หญิงถูกตัดสินที่รูปร่างภายนอก (physical appearance) อีกต่อไป โดยมีการสร้างแฮชแท็กซ์ บ้ายบายบิกินี่ (#byebyebikini) ขึ้นมาเผยแพร่ด้วย
คำประกาศดังกล่าวนี้ ยูเอสเอทูเดย์ ระบุว่าเป็นการตัดสินใจที่ “สั่นสะเทือน” หรือ groundbreaking วงการประกวดสาวงามโลกเลยทีเดียว
“โดยในช่วงเวลานั้น ถูกแทนที่โดยผู้เข้าประกวดแต่ละคน ต้องสื่อสารแบบสดๆ กับคณะกรรมการ (live interactive session) ซึ่งพวกเธอจะได้แสดงให้ห็นถึงความสำเร็จและเป้าหมายในชีวิต และวิธีที่พวกเธอจะใช้ความสามารถ ความปรารถนา และความต้องการเป็นฐานในการปฏิบัติหน้าที่ของมิสอเมริกา” กองประกวดระบุ
นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงการประกอบรอบชุดราตรี (evening gown competition) ด้วย แต่ยังไม่ชัดเจนนักว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นไร โดยกองประกวดบอกแต่เพียงว่า “จะให้อิสระกับผู้เข้าประกวดในการแสดงออกถึงความมั่นใจในตัวเอง กับชุดยามเย็นที่พวกเธอเลือกเอง ขณะที่จะต้องคุยกันถึงวิธีใช้ประโยชน์ต่อผลกระทบทางสังคมที่พวกเธอทำให้เกิดขึ้นด้วย”
ทั้งนี้ เกรทเช่น คาร์ลสัน คณะกรรมการอำนวยการขององค์กร มิสอเมริกา ระบุว่า เวทีมิสอเมริกา จะไม่ช่เวทีประกวดสาวงาม (pageant) อีกต่อไป
“มิสอเมริกาจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงระดับหัวแถวรุ่นใหม่ เน้นที่ทุนการศึกษา, ผลกระทบทางสังคม, ความสามารถ และเสริมความแกร่งให้กับตัวเองมากขึ้น” เกรทเช่น คาร์ลสัน ระบุ.