สืบเนื่องจากข่าวรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญากับสองสามีภรรยาเชื้อชาติไทย คือนายวีรพล พัฒนกิจจำรูญ หรือ พอล จำรูญ และนางธัญญาลักษณ์ พัฒนกิจจำรูญ หรือ ธัญญา จำรูญ ในอาญาร้ายแรงหลายข้อหา เช่นข้อหาเกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงานลูกจ้าง 4 คนในร้านอาหารของตน คือร้าน เทอริยากิ ไทย ในเมืองริดจ์ฟิล์ และร้าน ไทยเคอร์รี่ อิน อะ เฮอรี่ ในเมืองเลค ออสวีโก้ รัฐโอเรก้อน รวมถึงข้อหาสมรู้ร่วมคิดปลอมวีซ่า และฉ้อโกงภาษีรายได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายวีรพล พัฒนกิจจำรูญ ได้ยอมรับสารภาพ (pleas guilty) ไปก่อนแล้ว และอยู่ระหว่างรอวันขึ้นศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษานั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Columbian Courts Reporter รายงานว่า นางธัญญาลักษณ์ พัฒนกิจจำรูญ ที่เนื้อข่าวระบุว่าเป็นอดีตภรรยาของนายพอล หรือวีรพล พัฒนกิจจำรูญ ได้ยอมสารผิด (pleaded guilty) ต่อศาลรัฐบาลกลางในเมืองพอร์ทแลนด์ ว่าได้รับผลประโยชน์จากการกระทำผิดกฎหมาย เช่นการบังคับใช้แรงงาน, คบคิดการปลอมวีซ่า และแจ้งเสียภาษีรายได้ไม่ตรงกับความจริง ตามข้อกล่าวหาทั้งหมดจริง

ธัญญา จำรูญ อายุ 59 ปี อาศัยอยู่ในเมืองบีเวอร์ตัน รัฐโอเรก้อน ได้ปฏิเสธที่จะสู้คดีการฟ้องร้องที่โจทก์ยื่นต่อคณะลูกขุนของศาลแขวงสหรัฐฯ ในพอร์ทแลนด์ โดยขอรับสารภาพผิดตามข้อหาที่สำนักงานอัยการสหรัฐฯ และกระทรวงยุติธรรม เป็นโจทย์

ข่าวบอกด้วยว่า นางธัญญา และอดีตสามี เป็นคนไทยโดยกำเนิด ทั้งสองเคยเป็นเจ้าของร้านอาหารสองแห่ง คือร้าน เทอริยากิไทย เลขที่ 109 S. 65th Ave., Ste. 103ในเมืองริดจ์ฟิลด์ และร้าน ไทย เคอร์รี่ อิน อะ เฮอร์รี่ (Thai Curry in a Hurry) เลขที่ 1235 McVey Ave., Ste. A ในเมืองเลค ออสวีโก้ รัฐโอเรก้อน ซึ่งทั้งสองร้านถูกขาย และเปลี่ยนผู้บริหารตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา

จากข้อหาร้ายแรงดังกล่าว นางธัญญา จำรูญ มีสิทธิ์ได้รับโทษจำคุกสูงสุด 20 ปี สำหรับข้อหาบังคับใช้แรงงาน, ห้าปี จากข้อหาปลอมวีซ่า และสามปี จากข้อหาเจตนาเลี่ยงภาษีรายได้ ซึ่งศาลแขวงสหรัฐฯ โดยผู้พิพากษา แอนนา เจ. บราวน์ นัดพิพากษาโทษในวันที่ 24 ตุลาคม ที่จะถึงนี้

ส่วนนายพอล หรือวีรพล พัฒนกิจจำรูญ ซึ่งถูกตั้งข้อหาเดียวกันกับอดีตภรรยานั้น ข่าวบอกว่าศาล โดยผู้พิพากษาหญิ แอนนา เจ บราวน์ นัดพิพากษาโทษในวันที่ 18 ตุลาคม หรือหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น

ทั้งนี้ ระหว่างปี 2011-2014 สองสามีภรรยาคนไทย ได้แจ้งข้อมูลเท็จเพื่อขอวีซ่าประเภท E-2 ซึ่งเป็นวีซ่านักลงทุน ให้กับคนไทย 4 คน โดยเจตนาจะให้มาเป็น “แรงงานราคาถูก” ในร้านอาหารสองร้านของตนเอง โดยคำฟ้องของอัยการสหรัฐฯ และกระทราวงยุติธรรม บอกว่าค่าใช้จ่ายทั้งการยื่นเรื่องขอวีซ่า ค่าเดินทาง และอื่นๆ นั้น จำเลยถือเป็นหนี้สินที่ลูกจ้างทั้งสี่คนต้องชดใช้ อีกทั้งยังมีการข่มขู่ว่าจะส่งตัวกลับเมืองไทย ดุด่า รวมถึงมีการยึดเอกสารต่างๆ ทั้งนี้เพื่อบังคับให้แรงงานทั้งสี่คน ทำงานวันละ 12 ชั่งโมง สัปดาห์ละ 6 วัน โดยได้รับเพียงค่าแรงขั้นต่ำเท่านั้น

ในกรณีของนางธัญญาลักษณ์ นั้น เอกสารคำฟ้องบอกว่า เธอรู้เห็นการปฏิบัติแบบผิดกฎหมายกับคนงานสองคน และได้รับผลประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงานที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าในแจ้งรายได้เพื่อเสียภาษีเป็นเท็จ ในช่วงระหว่างปี 2012-2015 และยินยอมจ่ายชดเชยให้กับ ไออาร์เอส เป็นเงิน 120,384 ดอลลาร์

พร้อมกับการยอมสารภาพผิดตามข้อหา นางธัญญาลักษณ์ พัฒนกิจจำรูญและอดีตสามี ยินยอมจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อทั้งสี่คน รวมเป็นเงิน131,391.95 ดอลลาร์ด้วย.