การเลือกตั้งรอบแรก (primary election) ของรัฐแคลิฟอร์เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2018 นอกจากตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดแล้ว ยังมีการเลือกตั้งอีกหลายตำแหน่งที่อยู่ในความสนใจของคนไทยที่อาศัยอยู่ในรัฐนี้ เพราะมีบรรดา “เพื่อนของประเทศไทย” หรือบุคคลที่ใกล้ชิดและให้ความสนับสนุนช่วยเหลือชุมชนไทยของเราด้วยดี ลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย
เช่นการเลือกตั้งในตำแหน่งเชอรีฟของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ (Los Angeles County Sheriff) ที่ จิม แม็กโดนนัลล์ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สอง แข่งกับ อเล็กซ์ วิลานูว่า อดีตเจ้าหน้าที่เชอรีฟวัยเกษียณนั้น ผลการเลือกตั้งเป็นไปตามคาด คือ จิม แม็กโดนนัลด์ เป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ แต่เป็นชัยชนะที่ไม่ขาดลอย กล่าวคือได้คะแนนเสียง 47 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ จึงต้องมีการเลือกตั้งอีกครั้งในเดือนพฤศจิกายน ระหว่างเขาและ อเล็กซ์ วิลานูว่า ที่ได้รับคะแนนเสียงจากการเลือกตั้งครั้งนี้ 33 เปอร์เซ็นต์
ข่าวบอกว่าผลการเลือกตั้งดังกล่าว แม้จะน่าผิดหวังสำหรับ จิม แม็กโดนนัลด์ แต่บรรดาผู้สนับสนุนเขาก็ยังมั่นใจว่าการเลือกตั้งมิดเทอม ในเดือนพฤศจิกายนนั้น ชัยชนะยังจะเป็นของเชฟรีฟ คนปัจจุบันอย่างแน่นอน
จิม แม็กโดนัลด์ ผู้ที่ให้ความสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของชุมชนไทยด้วยดีตลอดมาผู้นี้ ชนะการเลือกตั้งสมัยแรกเมื่อสี่ปีก่อน หลังจากที่ ลี แบ๊กก้า อดีตเชอรีฟตัดสินใจลาออกเพราะตกเป็นเป้าสอบสวนของ เอฟบีไอ ในคดีเกี่ยวกับการคอรัปชั่นและทารุณกรรมนักโทษในความดูแลของสำนักงานเชอรีฟ อันเป็นคดีที่ลงเอยด้วยการที่ ลี แบ๊กก้า และบรรดาผู้ช่วยใกล้ชิดของเขาหลายคนถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดจริง
ที่ผ่านมา บรรดานักวิจารณ์หลายคนให้เครดิต จิม แม็กโดนนัลด์ ว่าสามารถทำให้ภาพพจน์ของสำนักงานเชอรีฟ รวมถึงสภาพความเป็นอยู่ของผู้ต้องหาในคุกของเคาน์ตี้ ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ในขณะเดียวกัน จำนวนคดีอาชญากรรมในสมัยของเขาก็เพิ่มมากขึ้น เพราะเจ้าหน้าที่เชอรีฟมีกำลังขวัญ (morale) ที่ต่ำจนน่ากลัว เห็นได้จากมีกำลังเจ้าหน้าที่เชอรีฟ ลดลงอย่างมาก
ส่วนการเลือกตั้งในตำแหน่งซูเปอร์ไวเซอร์ เขตสอง ของออเรนจ์ เคาน์ตี้ ซึ่งมี “เพื่อนของประเทศไทย” อีกคน คือ นางมิเชลล์ ปาร์ค สตีล จากพรรครีพับลิกัน ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมัยที่สองนั้น ผลการเลือกตั้งปรากฎว่าเธอได้คะแนนเสียงมากถึง 63 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดต่อคู่แข่งอีกสองคน คือ แบรนดอน เพอร์กินส์ จากพรรคเดโมแครต ที่ได้คะแนนเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ และ ไมเคิล มาโฮนี่ ที่ได้คะแนน 13 เปอร์เซอร์ ซึ่งคะแนนเสียงที่มากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ดังกล่าวนี้ ถือว่านักการเมืองหญิงเชื้อสายเกาหลีคนนี้ ชนะการเลือกตั้งและสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปอีกสี่ปีได้ในทันที
อีกหนึ่งนักการเมืองที่สนิทสนมกับชุมชนไทยในแอลเอ เป็นอย่างดี คือ เควิน เดอ ลีออง ส.ส.ของรัฐแคลิฟอร์เนีย (CA Assemblyman) ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ (U.S. Senate) โดยลงแข่งกับวุฒิสมาชิก ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 1992 ผลการเลือกตั้งปรากฎว่า เควิน เดอ ลีออง ได้รับคะแนนเสียง 11 เปอร์เซ็นต์ รองจาก ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ที่ได้รับคะแนนเสียง 44 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น นักการเมืองจากเดโมแครต ทั้งสองคนจึงต้องลงสนามเลือกอีกครั้งในการเลือกตั้งมิดเทอม ที่จะมีขึ้นในวันที่ 6 พฤศจิกายน ศกนี้
อย่างไรก็ตาม ข่าวบอกว่า การลงสนามเลือกครั้งนี้ เควิน เดอ ลีออง มีความเสียเปรียบอย่างมาก เพราะ ไดแอนน์ ไฟน์สไตน์ ได้รับเงินบริจาคสำหรับหาเสียงมากเกือบ 13 ล้านดอลลาร์ จึงสามารถซื้อโฆษณาหาเสียงทางโทรทัศน์ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายได้แบบถี่ยิบ อีกทั้งยังมีเงินเหลืออีก 7 ล้านดอลลาร์สำหรับการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งมิดเทอม ขณะที่ เควิน เดอ ลีออง นั้น สามารถเรี่ยไรเงินสนับสนุนได้เพียง 1.1 ล้านดอลลาร์เท่านั้น
อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น มี “เพื่อนของประเทศไทย” ที่ไม่ผ่านการเลือกตั้งด้วยเช่นกัน นั่นคือ จอห์น เชียง หัวหน้าคลังของรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยผลการเลือกตั้งปรากฎว่าเขาได้คะแนนเสียงเพียง 9 เปอร์เซ็นต์ อยู่ในอันดับสี่ของบรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 27 คน.