เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2018 สำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ​(US FDA) ได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กระท่อม (Kratom) สามแห่งในอเมริกา ถึงพฤติกรรมผิดกฎหมาย เช่นการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาที่มีส่วนผสมของกระท่อม ซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตจาก เอฟดีเอ โดยการประกาศสรรพคุณว่าสามารถรักษาอาการติดยาประเภทโอปิออยด์ (Opioid) และอาการลงแดง อันเป็นสรรพคุณที่ยังไม่มีการพิสูจน์ให้เห็นจริง

โดยบริษัททั้งสามแห่งดังกล่าวนี้ คือ Front Range Kratom ในรัฐโคโลราโด้,  Kratom Spot ในเมืองเออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย และ Revibe, Inc. ในเมืองแคนซัสซิตี้ รัฐมิสซูรี

นอกจากคำเตือนในจดหมายของสำนักงานอาหารและยาฯ แล้ว บนเว็บไซต์ของบริษัทที่จัดจำหน่ายสินค้าส่งออกจากกลุ่มประเทสในเอเชียเหล่านี้ ยังอ้างสรรพคุณของกระท่อมว่า สามารถบรรเทาปวด และใช้รักษาอาการป่วยอื่นๆ เช่นลดความดันโลหิต, รักษาโรคมะเร็งและบรรเทาอาการเซลล์ประสาทเสื่อมจากอาการเส้นโลหิตในสมองแตก (สโตร๊ค) เป็นต้น

นอกจากนี้ เอฟดีเอ ยังประกาศเตือนผู้บริโภค ให้เลิกบริโภคยาที่มีส่วนประกอบของ Mitragyna speciosa หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ กระท่อม ซึ่งเป็นพืชที่มีถิ่นกำหนดในประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงปาปัวนิวกินี โดยอธิบายว่ากระท่อม มีฤทธิต่อประสาทสัมผัสในสมองเช่นเดียวกับมอร์ฟีน หากใช้โดยไม่ระวังก็จะเสี่ยงต่อการติดยา (addiction, abuse and dependence) ได้ ซึ่งขณะนี้ ทางสำนักงานอาหารและยาฯ อยู่ระหว่างการประเมินข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่

จดหมายเตือนของของสำนักงานอาหารและยา ระบุรายชื่อของผลิตภัณฑ์กระท่อม ที่มีจำหน่ายในสหรัฐฯ ถึง 65 ชนิด อีกทั้งกำหนดระยะเวลาให้กับบริษัทผู้จัดจำหน่ายทั้งสามแห่ง ติดต่อกับสำนักงานเพื่อแจ้งถึงการดำเนินงาน ตามประกาศเตือนภัยดังกล่าวในเวลา 15 วันทำงาน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีการดำเนินการตามกฎหมาย เช่นยึดสินค้า หรือใช้อำนาจศาลในการสั่งห้ามขายสินค้า (injunction) เป็นต้น

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ผลการตรวจสอบของสำนักงานอาหารและยา พบการปนเปื้อนของเชื้อ ซัลโมนีลล่า ในผลิตภัณฑ์กระท่อมที่จัดจำหน่ายโดยบริษัท Revibe, Inc. จึงมีคำสั่งให้ดำเนินการเรียกคืนสินค้าที่อาจจะปนเปื้อนเชื้อโรคร้ายออกจากตลาด และเข้าตรวจสอบการทำลายสินค้าที่โกดังของ Revibe ในเมืองเออร์ไวน์เมื่อวันที่ 3 เมษายน

อย่างไรก็ดี จนกระทั่งถึงวันที่ 19 เมษายน ทางบริษัท Revibe ก็ยังไม่แสดงหลักฐานการเรียกคืนสินค้าจากตลาดให้กับเอฟดีเอ ตรวจสอบแต่อย่างใด เป็นเหตุให้เอฟดีเอ ต้องออกประกาศเตือนผู้บริโภค ไม่ให้บริโภคผลิตภัณฑ์กระท่อม ทั้งของ Revibe และของบริษัทอื่นๆ

นอกจากนี้ เอฟดีเอ ยังขอความร่วมมือจากแพทย์ หรือเจ้าหน้าที่เฮลท์แคร์ รวมถึงผู้บริโภคทั่วไป ช่วยกันรายงานถึงผลร้ายต่างๆ อันเกิดจากสินค้าที่มีส่วนผสมของกระท่อม ผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า MedWatch Adverse Event Reporting program ที่เว็บไซต์ของเอฟดีเอ (www.fda.gov/Safety/MedWatch/default.htm) เพื่อที่ทางสำนักงาน จะได้มีข้อมูลเพื่อประเมินผลเกี่ยวกับฤทธิของกระท่อมที่ชัดเจน อันจะทำให้สามารถกำหนดท่าทีที่ชัดเจนต่อสินค้าจากประเทศไทยตัวนี้ต่อไป

อนึง ในวันเดียวกับที่เอฟดีเอ ได้ออกประกาศเตือนภัยประชาชนเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์กระท่อมนี้ สถานี เอบีซี ในเมืองแทมป้า รัฐฟลอริด้า ก็ได้รายงานข่าวการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับมินิมาร์ทชื่อ Sligh Peteol Mart โดยนางลอร่า ลามอน คุณแม่ที่สูญเสียลูกชายวัย 27 ปี เพราะบริโภคกระท่อมชนิดแคปซูล ที่ซื้อจากร้านค้าปลีกแห่งนี้ โดยคำฟ้องระบุว่าแคปซูลถูกบรรจุในซองพลาสติกใสที่ไม่มีคำเตือนหรือคู่มือใดๆ เป็นเหตุให้ลูกชายของเธอต้องเสียชีวิต

ข่าวบอกด้วยว่าการเสียชีวิตของหนุ่มวัย 27 ปี ได้รับการยืนยันจากสำนักงานชันสูตรของ ฮิลล์โบโรห์ เคาน์ตี้ ว่าเป็นผลมาจากการใช้กระท่อมในปริมาณมากจริงๆ

ทั้งนี้ กฎหมายในประเทศไทย (พ.ร.บ.ยาเสพติด 2522) ยังคงถือว่ากระท่อมเป็นยาเสพติดประเภทห้า เช่นเดียวกับกัญชา ฝิ่น และเห็ดขี้ควาย.