แอลเอไทมส์ รายงานข่าวเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ว่าการปฏิบัติการบุกจับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายในเขตเมืองลอส แอนเจลิส ของเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางครั้งนี้ เริ่มต้นตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ โดยไทมส์ อ้างคำแถลงของ ซาราห์ รอดริเกซ โฆษกของสำนักงานไอซ์ (Immigration and Customs Enforcement) ว่าเป็นปฏิบัติการบุกจับ “บุคคล” ที่มีท่าทีเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ สาธารณชน และความปลอดภัยตามแนวชายแดน โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่าร้อยคน

คำแถลงของโฆษกสำนักงานไอซ์​ยังระบุด้วยว่า หากเป็นสถานการณ์ปกติ เจ้าหน้าที่ของไอซ์จะทำงานร่วมกับตำรวจท้องที่และระบบคุกของเคาน์ตี้ ในการชี้ตัวผู้ลักลอบเข้าเมืองแบบผิดกฎหมายที่เป็นอันตรายต่อสังคม ขณะที่อยู่ในความควบคุมของพวกเขา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ของไอซ์ สามารถมารับตัวเพื่อดำเนินการเนรเทศต่อไป

“แต่เขตปกครองที่ไม่ให้ความร่วมมือกับไอซ์ อย่างลอส แอนเจลิสนั้น เป็นการบังคับให้เจ้าหน้าที่ของไอซ์ ต้องปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหาที่ซ่อนตัวอยู่ในชุมชน ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงอย่างมาก ทั้งกับเจ้าหน้าที่ของไอซ์, สาธารณชน รวมถึงคนต่างชาติทั่วไป และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการขัดขืนการจับกุมได้มาก”

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจของเมืองลอส แอนเจลิส (แอลเอพีดี) และหน่วยงานรักษากฎหมายอีกหลายแห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ต่างปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลกลางในการกวาดจับผู้อยู่อย่างผิดกฎหมาย ด้วยเหตุผลว่าจะทำให้คนกลุ่มนี้เกรงกลัวและไม่กล้าเข้าหาตำรวจ ไม่ว่าจะในฐานะเหยื่อหรือฐานะพยาน ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานได้ยากลำบาก

ไทมส์บอกด้วยว่า ปฏิบัติการของไอซ์ ครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นในหลายเคาน์ตี้ คือทั้งในลอส แอนเจลิส, ออเรนจ์, ริเวอร์ไซด์, ซานเบิร์นนาดิโน่, เวนทูร่า, ซานตาบาร์บาร่า และซานหลุยส์โอบิสโป และว่าปฏิบัติการจับกลุ่มผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายที่อยู่ในข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงครั้งนี้ ยังไม่สิ้นสุด แต่โฆษกของไอซ์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเตือนรัฐแคลิฟอร์เนียว่า จะเป็นเป้าหมายของ “ปฏิบัติการบุกจับ” มากขึ้น ในฐานะที่รัฐแคลิฟอร์เนียประกาศตัวเป็น “รัฐหลบภัย” หรือ sanctuary state ที่ให้ความคุ้มครองผู้เข้าเมืองแบบผิดกฎหมาย แต่ ไอซ์ไม่ได้ระบุว่าการบุกจับกุมในลอส แอนเจลิส ที่เกิดขึ้นเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการเด็ดขาดที่ว่าหรือไม่

ไทมส์ บอกด้วยว่า การบุกจับกุมในเขตลอส แอนเจลิส ครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ไอซ์ ได้บุกเข้าตรวจธุรกิจ 77 แห่งในแคลิฟอร์เนียภาคเหนือ โดยเฉพาะในเมืองซานฟรานซิสโก เมื่อประมาณสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ไอซ์ เรียกร้องให้เจ้าของธุรกิจเหล่านั้น แสดงหลักฐานว่าได้ว่าจ้างแรงงานที่มีสิทธิ์ทำงานอย่างถูกต้อง และว่าเป็นการบุกตรวจแหล่งงานที่ใหญ่ที่สุดนับจากประธานาธิบดีทรัมป์ เข้ารับตำแหน่ง

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเช่นกัน ข่าวบอกว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้พยายามกดดันให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายที่ประเมินว่ามีมากกว่า 11 ล้านคนในอเมริกาอีกครั้ง โดยประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เจฟฟ์ เซสชั่น ออกมายืนยันว่า ผู้รักษากฎหมายทั่วประเทศ ควรให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นแบบ “ไร้ขีดจำกัด” ในการเข้าถึงระบบคุก และชะลอขั้นตอนการปล่อยตัวผู้ต้องหาที่เป็นชาวต่างชาติ เพื่อให้เจ้าหน้าที่อิมมิเกรชันมารับตัวไปดำเนินการต่อได้ รวมถึงมีการข่มขู่เมืองที่ไม่ให้ความร่วมมือว่าจะตัดงบประมาณช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางอีกครั้ง แม้ว่าคำขู่ของประธานาธิบดีทรัมป์และ รมว.ยุติธรรม ในลักษณะนี้จะเคยถูกศาลพิจารณาว่าไม่สามารถทำได้ เพราะถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญแล้วก็ตาม.