เมื่อวันอังคารที่ 15 สิงหาคม 2016 คณะกรรมาธิการผังเมือง ของเทศบาลเมืองชิโน่ฮิลล์ ได้ลงมติเห็นชอบกับแผนการสร้างโบสถ์ของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ รวมถึงถาวรวัตถุอื่นๆ เช่นอาคารที่พักสงฆ์ (monk dormitory) และอาคารเอเนกประสงค์ ที่จะใช้เป็นห้องเรียนภาษาไทย ห้องเรียนนาฎศิลป์-ดนตรีไทย และโรงครัวด้วย

ข่าวบอกด้วยว่า ในการเฮียริ่งของคณะกรรมาธิการผังเมืองดังกล่าว มีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนในพื้นที่รอบๆ วัดมาร่วมแสดงความเห็นด้วย เพราะการก่อสร้างโบสถ์ ซึ่งสูงถึง 38 ฟุตกับ 7 นิ้วนั้น ทำให้ประชาชนที่อยู่ด้านทิศเหนือของวัดสามารถมองเห็นได้ชัดเจน จึงมีความเป็นไปได้ที่จะถูกคัดค้านว่า บดบังทัศนียภาพได้ แต่การเฮียริ่งผ่านพ้นไปโดยไม่มีใครออกเสียงคัดค้าน

อย่างไรก็ตาม ข้อเสนอดังกล่าวจะต้องผ่านความเห็นชอบของสภาเมืองชิโน่ฮิลล์เสียก่อนจึงจะมีผล เพราะจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโซนนิ่ง จาก neighborhood commercial เป็นโซนที่เรียกว่า public institutional (PI)

หนึ่งในประเด็นที่คณะกรรมาธิการผังเมืองแสดงความห่วงใยก็คือว่า ทางวัดมีกำลังเพียงพอที่จะสร้างโบสถ์และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ให้แล้วเสร็จตามแผนหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาทางวัดเคยประสบปัญหาการเงินอย่างรุนแรงมาก่อน ซึ่งเรื่องนี้ ดร.แหลมทอง ศิลปานนท์ ประธานบริหารของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ แจ้งว่าปัจจุบันนี้ ทางวัดมีฐานะการเงินที่มั่นคง เพราะได้รับความสนับสนุนจากสมาชิกวัด และจากแหล่งทุนในประเทศไทยด้วย

ประธานบริหารของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ แจ้งด้วยว่า ทางวัดจะแบ่งการก่อสร้างออกเป็นสามระยะ โดยระยะแรก ซึ่งจะเป็นการสร้างโบสถ์นั้น จะใช้ระยะเวลาประมาณสองปี จากนั้นจึงจะลงมือก่อสร้างถาวรวัตถุอื่นๆ ต่อไป

คณะกรรมาธิการผังเมืองได้ขอให้ เคนท์ คลูเตอร์ สถาปนิกของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ ให้ปรับปรุงแบบของอาคารเอกนกประสงค์และอาคารที่พักสงฆ์ ให้ “สวยขึ้น” โดยบอกว่าต้นแบบของเขาค่อนข้างเรียบเกินไป

ทั้งนี้ โบสถ์ของวัดพระธาตุฯ จะตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 3,100 ตารางฟุต มีความสูงถึงหลังคา 38.7 ฟุต แต่หากนับถึงยอดช่อฟ้า ก็จะสูงถึง 50 ฟุต 2 นิ้ว สร้างด้วยหินอ่อน และมุงด้วยกระเบื้องสีแดง แต่งขอบด้วยสีทอง โดยโบสถ์จะเห็นชัดเจนจากถนน ชิโน่ ฮิลล์ ปาร์คเวย์ แต่ถาวรวัตถุอื่นๆ จะถูกสร้างบนพื้นที่ด้านหลังซึ่งลาดลงไป ทำให้มองไม่เห็นจากถนน

อีกประเด็นหนึ่งที่คณะกรรมาธิการผังเมืองต้องการก็คือขอให้ทางวัดเลี่ยงการตัดต้นไม้ที่มีอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนากด้วย ซึ่งสถาปนิกของวัดยืนยันว่าจะไม่มีการตัดต้นไม้อย่างแน่นอน

ในส่วนของอาคารที่พักสงฆ์นั้น ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 9,025 ตารางฟุต และอาคารเอนกประสงค์ จะมีพื้นที่ 3,600 ตารางฟุต

ทั้งนี้ บนเว็บไซต์ของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ ได้ระบุถึงประวัติของวัดเอาไว้โดยสังเขปว่า แต่เดิมมีชื่อว่าวัดพุทธชิโนฮิลส์ ถือกำเนิดจากความคิดของพระอาจารย์สมบัติ ญาณวโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโพธิวารีรังสฤษฎ์ เมืองวิทเทียร์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เห็นว่าวัดโพธิวารีฯ มีพื้นที่คับแคบ ไม่เพียงพอต่อการประกอบศาสนกิจ และอำนวยความสะดวกต่อสาธุชนที่มาทำบุญ จึงได้ปรึกษาคณะกรรมการ และคณะกรรมการมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินการซื้อที่ดินเพื่อสร้างวัดแห่งใหม่

โดยที่ตั้งปัจจุบันของวัดนั้น เคยเป็นโบสถ์ของชาวคริสต์ มีเนื้อที่ 7.5 เอเคอร์ หรือประมาณ 18 ไร่ จัดซื้อในราคา 1,600,000 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 18 เมษายน 1996 โดยผ่อนชำระเป็นเวลา 5 ปี ในปีแรกผ่อนชำระเดือนละ 24,000 ดอลลาร์ ในปีต่อมาเดือนละ 15,000 ดอลลาร์

ต่อมา พระอาจารย์สมบัติ ญาณวโร ได้มรณภาพลงในวันที่ 2 กรกฎาคม 1997 คณะสงฆ์และคณะกรรมการบริหารวัดพุทธิชิโนฮิลส์ จึงได้อาราธนา พระมหาบุญก้ำ ฐิตเวโท วัดพรหมวงศาราม กรุงเทพฯ ซึ่งปฏิบัติศาสนกิจเป็นพระธรรมทูตวัดพุทธิชิโนฮิลส์ ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส

วันที่ 15 พฤษภาคม 1998 คณะสงฆ์และคณะกรรมการบริหารวัดได้มีมติเห็นพ้องกันว่า ให้อาราธนาพระเดชพระคุณพระราชรัตนมุนี (ในสมัยนั้น) เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานที่ปรึกษาและอุปถัมภ์วัดพุทธิชิโนฮิลส์ (ตามหนังสือตอบรับที่ จจ.พล.198/2541)

ต่อมา พระมหาบุญก้ำ ฐิตเวโท ได้เดินทางกลับไปอุปัฏฐากโยมบิดาซึ่งกำลังป่วย จึงลาออกจากเจ้าอาวาส ช่วงนั้นทางวัดขาดการชำระที่ดินประมาณ 3 เดือน กระทั่งถึงเดือนมีนาคม 2000 คุณสุเทือง สุขศรี และคุณสุกาญจนา ศรีพรรณธนกุล ได้เดินทางไปประเทศไทยเพื่อกราบเรียนพระเทพรัตนกวี (ในสมัยนั้น) เจ้าอาวาสวัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร และรองเจ้าคณะภาค 5 ให้มาช่วยแก้ไขวิกฤติของวัด

วันที่ 11 มิถุนายน 2000 พระเทพรัตนกวี ได้มีหนังสือแจ้งให้คณะกรรมการทราบดังนี้

1.ขอรับวัดและให้พระเทพรัตนกวี เป็นประธานคณะกรรมการบริหารวัด
2.ขอแต่งตั้ง ดร.พระมหาสิงห์ทน นราสโภ เป็นเจ้าอาวาสวัดพุทธิชิโนฮิลส์
3.ให้เปลี่ยนชื่อวัดเป็น "วัดพระพุทธชินราช"

แต่ด้วยภาระที่หนักยิ่งในการผ่อนที่ดินของวัด ทำให้ไม่สามารถที่จะบริหารวัดได้ พระเทพรัตนกวี จึงขอมอบตำแหน่งคืนให้กับกรรมการวัด และมีการเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น “วัดพุทธิชิโนฮิลส์” อีกครั้งโดยการนำของหลวงพ่อดร.วิเวกานันทะ (สหัส ปริสุทฺโธ) และได้ตั้งกรรมการขึ้นมาบริหารใหม่

ต่อมาใน ปี 2006 หลวงพ่อดร.วิเวกานันทะ (พระสหัส ปริสุทฺโธ) ได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ มรณภาพลง ทางสมัชชาสงฆ์จึงได้ แต่งตั้ง พระครูใบฎีกาฐิติกร กลฺยาณธมฺโม (ปัจจุบันคือพระครูวินัยธรฐิติกร กลฺยาณธมฺโม) อดีตครูใหญ่โรงเรียนพุทธศาสนาวัดไทย ลอสแอลเจลิส มาเป็นเจ้าอาวาส และได้จัดตั้งคณะทำงานบริหารวัด ในปัจจุบัน

ในวันที่ 24 เดือนมิถุนายน 2012 ได้มีการวางศิลาฤกษ์ก่อสร้างอุโบสถโดย พระเดชพระคุณพระเทพวรสิทธาจารย์ รองเจ้าคณะภาค 7 เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ (ในสมัยนั้น) เป็นประธานอำนวยการอุปถัมภ์ คุณเจษฎา กตเวทิน กงสุลใหญ่ ณ นครลอสแองเจลิส และคุณทิม-คุณดวงเดือน อมรวุฒิ เป็นประธานอุปถัมภ์ (ฝ่ายคฤหัสถ์)

และในวันที่ 16 เดือนมิถุนายน 2013 ได้มีการสมโภชวัดครบ 17 ปี และทำพิธีเปิดป้ายเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ” อย่างเป็นทางการสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน.