จากการแจ้งข่าวล่าสุดนั้น ทำให้ครอบครัวของน.ศ.ไทยทั้งสองคน เกิดความไม่สบายใจและตั้งข้อสงสัยเหมือนกันกับคนไทยที่สังเกตุความผิดปกติในการช่วยเหลือที่ล่าช้า ซึ่งนางสาวทิวารัตน์ แสงสุริยฤทธิ์ (ป้อม) จึงได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐทีวีใจความว่า
ทางตัวของพี่สาวของมินได้พยายามหาวิธีเร่งรัดการกู้รถให้เร็วที่สุด โดยได้รับการยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าต้องรอให้ระดับน้ำลดลง จากนั้นทางพี่สาวของมินได้ตอบคำถามพิธีกรว่า รถคันสีแดงเป็นรถที่ทางบริษัทรถเช่ายืนยันว่าเป็นรถที่กอล์ฟ ภคพลเป็นคนเช่าจริง กับคำถามที่ว่าทางครอบครัวติดใจการทำงานของหน่วยงานที่นี่หรือไม่ พี่สาวของมินตอบคำถามด้วยความไม่สบายใจว่า ทางพี่สาวได้รับใบแจ้งความจากตำรวจทางหลวง ใจความว่าทางตำรวจทางหลวงทราบว่ามีอุบัติเหตุที่คาดว่าถึงแก่ชีวิตในวันที่ 26 กรกฎาคม 2017 และได้ทำตามขั้นตอนที่ถูกต้องเบื้องต้นในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ โดยการใช้วิธีตะโกนและใช้โทรโข่งหรือเครื่องขยายเพื่อสอบถามว่ามีใครต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ในเหวลึก 500 ฟุตนั้น โดยไม่มีเสียงตอบรับและไม่สามารถเห็นผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยทางพี่สาวมิน ไม่เชื่อว่าจะเป็นวิธีเบื้องต้นที่ได้ผล เนื่องจากเสียงจากกระแสน้ำที่ดังและแรงมากทำให้อาจจะไม่ได้ยิน
จากนั้นทางเจ้าของโรงแรมได้แจ้งความวันที่ 28 กรกฎาคม 2017 เวลาเช้ากับตำรวจท้องถิ่นเมืองรีดเล่ย์ซึ่งเป็นคนละหน่วยงานกับตำรวจทางหลวง จากนั้นตำรวจท้องถิ่นได้ประสานและสอบถามว่ามีผู้เสียชีวิตหรืออุบัติเหตุในช่วงก่อนวันนั้นหรือไม่ ทางตำรวจทางหลวงได้ตอบกลับไปว่ามี
โดยเมื่อถามว่า แทนที่จะตะโกนลงไป แต่ใช้เจ้าหน้าที่ลงไปกู้รถและคนแทนในวันที่ 26 ก.ค. ทางพี่สาวของมินเชื่อว่าจะมีโอกาสมีชีวิตรอดหรือช่วยเหลือขึ้นมาได้ เพราะมีตำแหน่งด้านข้างเหวที่เป็นทางลงของน้ำจากที่สูงลงที่ต่ำคล้ายกับสไลเดอร์ในสระว่ายน้ำ ที่สามารถใช้เจ้าหน้าที่ลงช่วยเหลือได้ โดยทางพี่สาวกล่าวต่อว่าเรื่องสภาพอากาศที่ทางเจ้าหน้าที่มักจะอ้างว่าจะมีฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นนั้นไม่เป็นความจริง เพราะวันที่ทางครอบครัวไปดูพื้นที่อากาศร้อนมากไม่มีโอกาสที่ฝนจะตก โดยยังกล่าวติดใจว่าเย็นวันที่ 26 ก.ค. เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องแจ้งว่าเขาพร้อมที่จะกู้ แต่ตั้งคำถามว่าทำไมการกู้ไม่เกิดขึ้น
เมื่อถามถึงความรู้สึกของครอบครัวจากที่มีความหวังก่อนเดินทางมายังประเทศสหรัฐอเมริกาว่าน้องสาวจะรอดชีวิต จนเวลานี้ทางครอบครัวเริ่มทำใจ และรู้สึกเสียใจกับความล่าช้าที่เกิดขึ้น โดยทางพี่สาวกล่าวว่า คุณแม่ของน้องมินบอกกับตน ณ.จุดเกิดเหตุว่า 'มีเชือกให้แม่มั้ย แม่จะขอไต่ลงไปช่วยน้องเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่ใช่มั้ย แม่ก็ขอลงไปเอง' โดยที่คุณแม่ก็อายุ 60 กว่าแล้ว
สุดท้ายนางสาวทิวารัตน์ ได้กล่าวขอบคุณและขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันหาวิธีเร่งรัดขั้นตอนการกู้รถให้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ตาม โดยพูดเชิงตัดพ้อว่า อย่าให้ต้องรอจนน้ำในแม่น้ำ แห้งเหือดไม่เหลือสักหยดเลย ถึงจะช่วยกู้รถขึ้นมา