เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 มิถุนายน 2017 ณ สถาบันศิลปะในกรุงวอชิงตัน (Art Institute of Washington 1820 N Fort Myer Dr, Arlington, VA 22209) ได้มีพิธีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ระหว่าง ผศ. ดร.วีระพงศ์ มาลัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยกรุงเทพ กับ นายลอว์เรนซ์ ฟิชแมน ผู้อำนวยการสถาบันศิลปะในกรุงวอชิงตัน โดยมี อัคราชทูต ภัทราวรรณ เวชชศาสตร์ จากสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดีซี, ศาสตราจารย์นายแพทย์สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ, รศ. ดร. นภาวรรณ นพรัตนราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการครัวไทยสู่ตลาดโลก และนายไมเคล โรล ผู้อำนวยการภาควิชาการจัดการอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนคณะผู้บริหารของสถาบันเอไอ และ อท.วนิดา กำเนิดเพ็ชร์ ผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษาเกษตรต่างประเทศ, นางศศิพันธุ์ พรรณรายน์ อัครราชทูตฝ่ายเศรษฐกิจและคลัง, น.อ. ชัยยงค์ ขุนทา ผู้ช่วยทูตทหารเรือ, พ.อ. เผ่าพันธ์ เจนนุวัตร รองผู้ช่วยทูตทหารบก เข้าร่วมเป็นสักขีพยานด้วย
การลงนามครั้งนี้ เกิดจากความพยายามของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผ่านโครงการครัวไทยสู่ตลาดโลก ที่ต้องการต่อยอดจากกระแสความนิยมอาหารไทยให้มีมาตรฐานและคงรสชาติต้นตำรับไว้ โดยไม่ผ่านการดัดแปลงไปมากนัก นอกจากนี้ ยังต้องการหาแนวทางเชื่อมโยงอาหารไทยแท้ กับพฤติกรรมการบริโภคของชาวอเมริกันในปัจจุบัน ที่สนใจสุขภาพมากขึ้น เพราะเห็นว่าอาหารไทยมีสมุนไพรเป็นส่วนประกอบสำคัญ และ วช. จะสนับสนุนงานวิจัยด้านสรรพคุณอาหารไทย เพื่อนำไปกระตุ้นความสนใจของผู้บริโภค อีกทั้งจะนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้พัฒนาคุณภาพการผลิตอาหารให้ได้มาตรฐานตามต้นตำรับ เป็นที่นิยม และส่งออกสู่ตลาดโลก เป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อไปด้วย
ทั้งนี้ ก่อนถึงวันลงนาม เชฟจากสถาบันอาหารชั้นนำของไทยหลายสถาบัน เช่น มหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ทำการสาธิตวิธีปรุงหลากหลายเมนูที่ยังไม่แพร่หลายในหมู่ชาวอเมริกันมากนัก อาทิ กุ้งทอดราดซอสมะขาม แกงส้มกุ้ง เนื้อน้ำตก โรตีกล้วย และทับทิมกรอบ และได้นำช่อม่วง ขนมปังหน้าหมู ถุงทอง กุ้งพันอ้อย จ่ามงกุฏ และลูกชุบมาเลี้ยงแขกในช่วงพิธีลงนาม สร้างความประทับให้กับผู้ร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่คุ้นเคยเมนูอาหารที่มีความพิถีพิถันเหล่านี้
นอกจากนี้ ยังมีชาวอเมริกันสนใจลงทะเบียนเข้าร่วมอบรมและชมการสาธิตอาหารไทยจำนวนมาก อีกทั้งหลายคนก็แสดงความสนใจที่จะไปฝึกฝนต่อที่ประเทศไทย เพื่อเรียนรู้อาหารและวัฒนธรรมแบบเชิงลึกต่อไปในอนาคตด้วย
เอ็มโอยูระยะแรก 1 ปีนี้ ถือเป็นก้าวแรกของโครงการครัวไทยสู่ตลาดโลก ที่จะเน้นแลกเปลี่ยนนักเรียนและบุคคลากรด้านอาหารซึ่งสถาบันเอไอ มีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วสหรัฐฯ ที่ผู้จบการศึกษาส่วนใหญ่จะประกอบอาชีพในอุตสาหกรรมอาหาร ดังนั้นหากบุคคลเหล่านี้ได้รับความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปรุงอาหารไทยต้นตำรับ โดยรู้จักหลากหลายเมนู รวมถึงรู้จักเครื่องปรุง หรือซ๊อสปรุงรสต่างๆ ของประเทศไทย ก็น่าจะนำไปสู่การขยายความนิยมอาหารไทย และเพิ่มความต้องการด้านวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงอาหาร อีกทั้งยังจะเป็นการเพิ่มการรับรู้อาหารและวัฒนธรรมไทย
ทั้งนี้ นอกจากอเมริกาแล้ว ทาง วช. ยังมีโครงการจะขยายความร่วมมือในลักษณะเดียวกันกับสถาบันอาหารชั้นนำของประเทศญี่ปุ่นในอนาคตด้วย.