ข่าวคนไทยในอเมริกา
รายงานหน้าหนึ่ง : เมื่อ “เมืองนางฟ้า” ขอต้าน “พญาอินทรี”


อีริค การ์เซ็ตติ นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ




เมืองลอส แอนเจลิส ดูเหมือนจะเป็น “หอกข้างแคร่” ที่รบกวนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และคณะทำงานของเขาในประเด็น “แอนตี้ อิมมิแกรนท์” รุนแรงกว่าเมือง หรือกระทั่งรัฐไหนๆ ทั้งหมดของอเมริกา


เพราะกระบวนการ “ต่อต้าน” ที่เป็นกระบวนการ ประสานงานกันครบถ้วนตั้งแต่ภาครัฐ (ซิตี้ฮอลล์) หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย (แอลเอพีดี, เชอรีฟ) ระบบการศึกษาของซิตี้ และเคาน์ตี้, เรื่อยมาถึงเอ็นจีโอแทบทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มที่ทำงานเพื่ออิมมิแกรนท์โดยตรง ลงมาจนถึงกลุ่มสิทธิ์ของผู้หญิง และกลุ่มสิทธิ์ของคนข้ามเพศ (แอลจีบีที)

ต่อต่อต้าน หรือ Resist ที่ทำกันเป็น “ทีมเวิร์ค” ของเมืองแอลเอ นอกจากจะทำให้รัฐบาลกลางทำงานได้ยากขึ้นแล้ว ยังอาจจะเป็น “กรณีตัวอย่าง” สำหรับเมืองอื่นหรือรัฐอื่น ที่มีแนวคิดเหมือนๆ กันด้วย...

เพราะขณะที่รัฐบาลของทรัมป์ ตั้งปณิธานว่าจะทำการเนรเทศผู้เข้าเมืองผิดกฎหมายให้หมด (เริ่มจากผู้มีประวัติอาชญากรรมก่อน) นั้น เมืองลอส แอนเจลิส ของเราก็ตั้งปฏิธานว่าจะต่อต้านการแก้ไขปัญหาแบบขวานผ้าซาก ของรัฐบาลกลางแบบถึงที่สุด... 

ตั้งแต่การออกมาประกาศชัดเจน โดยหน่วยงานผู้รักษากฎหมาย ทั้งตำรวจและเชอรีฟ ว่าจะไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ในการจับกุม รวมถึงไม่ให้ข้อมูลของผู้ต้องหาในคดีมโนสาเร่ (ที่เป็นโรบินฮูด) หรือกักตัวผู้ต้องหาเหล่านั้น เพื่อรอให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางมารับตัวไปด้วย

แถมเมืองแอลเอ ยังประกาศจะตั้งกองทุน The Los Angeles Justice Fund มูลค่าสิบล้านดอลลาร์ เอาไว้ใช้ช่วยเหลือโรบินฮูดที่ถูกจับกุมเพื่อเนรเทศแบบไม่เป็นธรรมในชั้นศาลอีกด้วย...

อีริค การ์เซ็ตติ นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ แถลงข่าวเรื่องกองทุน จัสติสฟันด์ ครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว โดยบอกว่าเป็นการ “ลงขัน” ของหลายฝ่าย คือเทศบาลเมืองแอลเอ ลง 2 ล้านดอลลาร์, แอลเอ เคาน์ตี ลง 3 ล้านดอลลาร์ และอีก 5 ล้านดอลลาร์ มาจากเงินบริจาคของฝ่ายต่างๆ

ล่าสุด คณะกรรมาธิการการเงินของสภาเมืองแอลเอ เห็นชอบกับข้อเสนอเรื่องการใช้งบประมาณสองล้านดอลลาร์ เพื่อตั้งกองทุนจัสติสฟันด์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แปลว่าข้อเสนอพร้อมจะถูกยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาเมืองแอลเอ ในวันศุกร์ที่ 23 มีนาคมนี้...

ตอนเขียนบทความชิ้นนี้ ยังไม่รู้ว่าผลการพิจารณาในสภาเมืองแอลเอ จะเป็นอย่างไร... แต่เชื่อว่าคงผ่านฉลุยค่อนข้างแน่... เผลอๆ จะผ่านแบบ “เอกฉันท์” เสียด้วย...

จริงๆ แล้ว นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ บอกเมื่อปลายปีที่แล้วว่ากองทุนก้อนนี้ น่าจะจัดตั้งได้สำเร็จก่อนวันที่ 20 มกราคม 2017 ซึ่งเป็นวันที่โดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตัวรับตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี แต่เกิดการล่าช้าเพราะต้องผ่านกระบวนการมากมาย

เท่าที่ทราบ ทางเมืองแอลเอ จะจัดงบประมาณสำหรับกองทุนจัสติสฟันด์แยกเป็นสองก้อน ก้อนแรก หนึ่งล้านดอลลาร์ จะอยู่ในงบประมาณ 2017-18 และอีกหนึ่งล้านที่เหลือ จะอยู่ในงบประมาณของปีต่อไป

กิล ซีดิลโล่ สมาชิกสภาเมืองแอลเอ เขต 1 ซึ่งเป็นหัวหอกสำคัญในการต่อสู้เรื่องนี้ บอกว่าข้อเสนอเรื่องนี้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการเงินในเวลาที่เหมาะมาก

“ประธานาธิบดีทรัมป์ และหน่วยงานอิมมิเกรชั่น (ICE) ยังคงเดินหน้ากวาดจับผู้อพยพในชุมชนของเราอย่างต่อเนื่อง ผู้ต้องการความช่วยเหลือทวีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ดังนั้นผมจึงปลื้มใจมากที่เพื่อนของเราในคณะกรรมาธิการการเงินของสภาเมือง เล็งเห็นถึงความจำเป็นรีบด่วนของการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวนี้ และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในการพิจารณาของสภาเมืองวันศุกร์ (23 มิถุนายน) ผลลัพธ์จะออกมาในลักษณะเดียวกัน...” กิล ซีดิลโล่ กล่าว...

ประเด็นหนึ่ง ที่สมควรจะ “เน้น” ให้เข้าใจโดยทั่วกันเกี่ยวกับกองทุน “จัสติสฟันด์” สำหรับช่วยเหลือโรบินฮูดในการต่อสู้คดีเนรเทศนี้ ก็คือจะเป็นเงินกองทุนสำหรับช่วยเหลือผู้ถูกจับกุมและถูกฟ้องเนรเทศโดยไม่เป็นธรรมเท่านั้น

มีการระบุชัดเจนว่าจะไม่เงินก้อนนี้ สำหรับการช่วยเหลือโรบินฮูดที่กำลังถูกฟ้องในคดีอาญาร้ายแรง หรือเคยถูกตัดสินลงโทษในคดีอาญาร้ายแรง เช่นเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ามนุษย์, รังแกเด็ก (ทุกรูปแบบ), ทำร้ายคนในครอบครัว (domestic violence) และข้อหาเป็นแมงดา (pimping)

ส่วนข้อปลีกย่อยอื่นๆ ก็เช่นบอกว่าส่วนใหญ่ คือ 70 เปอร์เซ็นต์ของเงินทุนก้อนนี้ จะถูกใช้สำหรับผู้ที่ถูกกักตัวอยู่ในสถานกักกันและรอขึ้นศาลในคดีเนรเทศ จะนำไปใช้ในเรื่องอื่น เช่นทำแคมเปญ หรืออื่นๆ ได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกทั้งจะเป็น “one time contribution” หรือเป็นเงินสำหรับตั้งต้นกองทุน ที่เทศบาลจะให้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนี้ไป ผู้ดูแลกองทุน ก็จะหาวิธีหาเงินด้วยวิธีอื่นๆ ต่อไป...

ความเคลื่อนไหวของเมืองนางฟ้า ในการ “ต่อต้านขัดขืน” แบบ “ดื้อเงียบ” กับส่วนกลางแบบนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจจับตา... เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่า...จะมากจะน้อยย่อมเป็น “กรณีตัวอย่าง” ให้กับเมืองเล็กเมืองน้อยอื่นๆ ที่เห็นค่าของ “อเมริกันดรีม” ยึดถือเป็นแบบอย่างในการปฏิบัติต่อไป...

และหากแรงต่อต้านนโยบายเลวร้ายของส่วนกลาง ทวีกำลังมากขึ้นเรื่อยๆ แบบที่กำลังเป็นอยู่นี้... พญาอินทรีทรัมป์ ก็คงเหนื่อยเหมือนกัน...

 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
24-04-2024 จับ (ซะที) สามโจรทุบร้านไทยและ ฯลฯ กว่า 130 แห่งในแคลิฟอร์เนีย (0/272) 
23-04-2024 เตรียมปรับผังแอลเอเอ็กซ์ครั้งใหญ่ รับ “บอลโลก-โอลิมปิก (0/70) 
22-04-2024 จับโจร “งัดแมนชั่น” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ (0/169) 
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/261) 
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/273) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข