คงเห็นกันบ้างแหละ กับรถที่มีป้ายแฮนดี้แคปแขวนโชว์ แต่คนขับเดินปร๋อเข้าห้าง หรือเข้าซูเปอร์มาร์เก็ต หลังจอดในช่องจอดของคนพิการแล้ว...

รู้กันโดยไม่ต้องถามไถ่ว่าเป็นป้ายของสามี หรือภรรยา หรือพ่อแม่ญาติพี่น้องในบ้าน... ที่คนขับหยิบยืมมาใช้เพื่อความสะดวก เพราะนอกจากจะมีที่จอดเสมอแล้ว ยังเป็นที่จอดที่ถูกจัดเอาไว้ใกล้ทางเข้าของห้าง หรือซูเปอร์มาร์เก็ต ที่สุดด้วย

เห็นแล้วรู้สึกหมั่นไส้ เพราะสวัสดิการของคนพิการที่รัฐบาลมอบให้สามี ภรรยา หรือพ่อแม่ญาติพี่น้องของเขา ไม่น่าจะ “เผื่อแผ่” มาถึงคนในครอบครัว ที่ร่างกายแข็งแรง อวัยวะครบ 32 ด้วย พฤติกรรมแบบนี้ จึงมีค่าไม่ต่างไปจากการแย่งที่จอดรถของคนพิการของคนมักง่ายที่ไม่มีป้ายคนพิการแขวนหน้ารถทั่วไป

จึงดีใจเมื่อเห็นข่าวของแอลเอไทมส์ เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาบอกว่ามีเจ้าหน้าที่ของดีเอ็มวี ออกไปสุ่มตรวจสอบรถที่แขวนป้ายคนพิการตามที่จอดของห้าง หรือซูเปอร์เก็ตต่างๆ ปีละหลายๆ คน แถมค่าปรับของการทำผิดกฎหมายประเภทนี้ยังค่อนข้างสูงอีกด้วย

ข่าวบอกว่าเจ้าหน้าที่ดีของสำนักงานทะเบียนยานยนต์ หรือดีเอ็มวี ของแคลิฟอร์เนีย จะส่งเจ้าหน้าที่ในเครื่องแบบ มีป้ายโลหะที่เรียกว่า badge  เหมือนของตำรวจ แต่เรียกตัวเองว่า DMV officer of the peace (แปลเป็นไทยแล้วได้ความหมายเหมือน รปภ. ยังไงไม่รู้) ออกไปซุ่มตามลานจอดรถของห้างใหญ่ๆ ปีละหลายๆ ครั้ง โดยครั้งล่าสุดตามที่ข่าวบอกมีขึ้นที่ เกลนเดล แกลลอเรีย แหล่งช็อปปิ้งยอดฮิตของพวกเราในเมืองเกลนเดลนี่แหละ

พอเห็นรถแขวนป้ายแฮนดี้แคป แต่คนขับไม่ส่อเค้าว่าเข้าข่าย เลี้ยวเข้าไปจอดในช่องจอดของคนพิการ เจ้าหน้าที่ของดีเอ็มวี ก็จะแสดงตัวเพื่อขอตรวจสอบหลักฐาน หากเจ้าของป้ายตัวจริงไม่อยู่ในรถ ก็รับใบสั่งไปตามระเบียบ

ข่าวบอกว่า ดีเอ็มวี แคลิฟอร์เนียมี peace officer ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถพกปืน และต้องมีการ “สาบานตัว” ก่อนรับตำแหน่งทั้งสิ้นประมาณ 200 คน ประจำอยู่ตามดีเอ็มวี สาขาต่างๆ ทั่วทั้งรัฐ โดยงานส่วนใหญ่ของพวกเขาก็คือการดูแลความสงบเรียบร้อยใน ดีเอ็มวี นั่นแหละ จะออกตรวจตราผู้ลักลอบใช้ป้ายคนพิการตามลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าต่างๆ เดือนละ 1-2 ครั้งเท่านั้น

ข่าวบอกด้วยว่าในระยะเวลาสามปีที่ผ่านมา ดีเอ็มวี ส่งเจ้าหน้าที่ออกปฏิบัติการตรวจจับตามลานจอดรถแบบนี้ทั้งหมด 270 ครั้ง มีการออกใบสั่งประมาณ 2,000 ใบ โดยจำนวนใบสั่งดังกล่าว ดีเอ็มวี บกว่าเพิ่มขึ้นทุกปี แสดงว่าคนจำนวนมากยังไม่รู้กฎหมาย หรือไม่ใส่ใจ เพราะไม่ทราบว่า ดีเอ็มวี มีการส่งเจ้าหน้าที่ออกไปตรวจด้วย ตัวเลขผู้ทำผิดจึงเพิ่มขึ้น เป็นการเบียดเบียนและสร้างความลำบากแก่คนพิการจริงๆ มากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้บริหารของดีเอ็มวี ชื่อ แรนดี้ เวอร่า บอกกับแอลเอไทมส์ว่า นอกจากป้ายคนพิการที่หยิบยืมจากคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงมาแขวนหน้ารถแล้ว ยังมีบางส่วนที่บอกว่าได้มาจากการซื้อ “ออนไลน์” หรือเก็บได้ จึงคิดได้ว่าความนิยมของป้ายคนพิการที่เกิดขึ้น  อาจทำให้เกิดการลักขโมยป้ายคนพิการ มาขาย หรือใช้ส่วนตัวด้วย

ปัจจุบัน ค่าปรับสำหรับผู้ทำผิดกฎหมายแบบนี้ จะอยู่ระหว่าง 250 ดอลลาร์ ถึง 1,000 ดอลลาร์ โดยการออกตรวจที่ลานจอดรถของเกลนเดล แกลลอเรีย เมื่อวันอังคารที่ 11 เมษายน ซึ่งลานจอดรถแน่นขนัดเพราะเป็นช่วง “สปริงเบรก” นั้น ข่าวบอกว่ามีการตรวจสอบรถแขวนป้ายคนพิการ 280 คัน พบการทำผิดถึง 42 คัน

แอลเอไทมส์ บอกด้วยว่าการเอารัดเอาเปรียบคนพิการในแคลิฟอร์เนียที่เกิดขึ้นนี้ ไม่ใช่แค่เพียงการหยิบฉวยป้ายของคนในครอบครัวหรือเพื่อนฝูงมาใช้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปลอมเอกสารหรือหลักฐานต่างๆ ในการขอรับป้ายคนพิการจากรัฐแคลิฟอร์เนียด้วย โดยที่ผ่านมา ดีเอ็มวี ได้ปฏิเสธการขอต่ออายุป้ายคนพิการจำนวนมาก ที่ใช้เอกสารเก่า เช่นผลการวินิจฉัยของแพทย์ที่เหมือนเดิม ลายมือและลายเซ็นแบบเดิม... แต่ข่าวไม่บอกว่ามีบทลงโทษของการยื่นเอกสารปลอมเพื่อขอรับสวัสดิการของรัฐหรือไม่ อย่างไร

ปีที่แล้ว บรรดานักการเมืองที่ซาคราเมนโต้ พยายามผลักดันข้อเสนอสองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับป้ายคนพิการ เรื่องแรกคือการ “ออดิด” หรือตรวจสอบกระบวนการพิจารณาให้ป้ายคนพิการทั้งหมด เพราะมีการร้องเรียนว่ายังไม่รัดกุม และง่ายดาย เกินไป... มีการยกตัวอย่างของผู้ประสบอุบัติเหตุบางรายที่ได้ป้ายคนพิการมาใช้ทั้งที่บาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น... ข่าวบอกว่าผลการพิจารณาเรื่องนี้น่าจะปรากฎออกมาให้ทราบกันภายในปีนี้

ข้อเสนอประเด็นที่สอง ข่าวบอกว่าเป็นญัตติของ ส.ส. ไมค์ เก็ตโต้ ที่เสนอให้เรียกคืนป้ายคนพิการทันทีที่เจ้าของป้ายเสียชีวิต แต่ข้อเสนอเรื่องนี้ถูกตีตกสภาไปอย่างรวดเร็ว

กลับมาที่การตรวจรถยนต์ที่แขวนป้ายคนพิการในเกลนเดล แกลลอเรีย อีกสักนิด ข่าวบอกว่าหลายรายที่ถูกตรวจแสดงอาการไม่พอใจ บางคนเอะอะโวยวายกับเจ้าหน้าที่ ไม่ยำเกรง peace officer ของดีเอ็มวี เหมือนผู้รักกฎหมาย เช่นตำรวจหรือเชอรีฟ...

ผู้ได้รับใบสั่งบางคนยอมรับตรงนั้นว่า “ผมเพิ่งรู้” ว่าป้ายคนพิการจะใช้ได้เฉพาะในกรณีเจ้าของป้ายอยู่ในรถยนต์ด้วย จะในฐานะคนขับหรือผู้โดยสารก็ตาม

แต่หลายคนแสดงความขอบคุณกับการที่ดีเอ็มวี ส่งเจ้าหน้าที่ออกมาตรวจตราแบบนี้ เพราะจะทำให้คนพิการจริงๆ ได้รับสวัสดิการของรัฐอย่างเต็มที่ ไม่ถูกเบียดบังไปโดยคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแบบที่เป็นอยู่

เอามาเล่าสู่กันฟังตรงนี้ เพราะบอกตรงๆ ว่าเพิ่งทราบเหมือนกันว่าดีเอ็มวี เขาส่งเจ้าที่ออกมาตรวจและให้ใบสั่งกับคนขับที่หยิบยืมป้ายคนพิการจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงมาใช้ด้วย

พวกเราที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ จะได้รู้ไว้ว่าไม่ควรทำ เพราะนอกจากจะเป็นการเบียดเบียนคนพิการ เป็นเป้าสายตาเหยียดหยามของผู้พบเห็นแล้ว อาจยังต้องจ่ายค่าปรับก้อนโตอีกด้วย

คำนึงถึงหลัก “ใจเขาใจเรา” เอาไว้เป็นดีที่สุดนะครับ...