ข่าวคนไทยในอเมริกา
รายงานหน้าหนึ่ง : แคลิฟฯพ้นแล้ง... ดอกไม้ก็บาน














เที่ยวทุ่งดอกไม้แลงเคสเตอร์ โดย : ภาณุพล รักแต่งาม


ส่องเฟสบุ๊กเพื่อนๆ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นหลายคนหอบลูกจูงหลาน หรือนัดรวมตัวกันขับรถไปชม “ทุ่งป๊อปปี” ที่กำลังบานเต็มที่ในเมืองแลงแคสเตอร์ ห่างจากแอลเอไปทางเหนือแค่ประมาณชั่วโมงครึ่ง

เห็นทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส มีความสุข เพราะสมหวังกับความสวยงามแบบ “เต็มตา” ของดอก “แคลิฟอร์เนียป๊อปปี" พรรณไม้ประจำรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่บานกลีบสีส้มทองแข่งกับดอกไม้ป่าสีต่างๆ จนคลุมเนินเขาสลับซับซ้อนลับหูลับตา ผิดกับปีที่ผ่านๆ มา ที่มีดอกไม้ให้ดูเป็นหย่อมๆ เท่านั้น

ความสวยงามของทุ่งดอกไม้ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์แคลิฟอร์เนียป๊อปปี แอนติโลป แวลเล่ย์ (the Antelope Valley Poppy Reserve) เมืองแลงแคสเตอร์ ในปีนี้ เป็นการตอกย้ำให้พวกเราได้รู้ว่า “สภาวะแห้งแล้ง” ที่ปกคลุมแคลิฟอร์เนียอยู่เกือบห้าปี กำลังผ่านพ้นไปแล้วพร้อมๆ กับปริมาณน้ำฝนที่ตกแบบสร้างสถิติในช่วงที่ผ่านมา...

เพราะครู่เดียวหลังเลี้ยวออกจาก ไฮเวย์ 14 ที่ แอนทิโลป แวลเล่ย์ และเลี้ยวซ้ายไปบนถนนอเวนิวไอ เราก็จะเริ่มเห็นพรมดอกไม้สีเหลืองทองหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จนหลายคนทนไม่ไหว ต้องหยุดรถและออกไปถ่ายรูปกันคึกคักตั้งแต่ตรงนี้

ว่ากันตามตรงแล้ว ดอกแคลิฟอร์เนียป๊อปปี ถือเป็นดอกไม้ “พื้นๆ” ที่ไม่ค่อยมีใครนำมาปลูกประดับบ้านเป็นเรื่องเป็นราว อาจจะเป็นเพราะดอกไม้สีฉูดฉาด แต่ไร้กลิ่นชนิดนี้จะชูช่อดอกให้ชื่นชมแค่ช่วงสั้นๆ ในฤดูใบไม้ผลิ ก่อนจะแห้งตายไปในเวลาเพียงไม่ถึงสองสัปดาห์ แถมดอกยังบอบบาง ไม่สามารถนำมาจัดแจกัน หรือใช้ประโยชน์อื่นใดได้มากนัก พวกเราทั่วไปจึงนิยมที่จะ “ชื่นชม” แคลิฟอร์เนียป๊อปปีที่บานอยู่ริมถนนหนทาง หรือที่งอกงามขึ้นมาเองกอสองกอในรั้วบ้านมากกว่า

ดังนั้น ร้อยทั้งร้อยจึงอ้าปากค้าง เมื่อมาเห็นดอกไม้ “พื้นๆ” ที่ว่า เบ่งบานเบียดเสียดกันแน่นขนัด เหมือนพรมดอกไม้สีเหลืองทองที่ปูทาบกับหุบและเนินเขาสลับซับซ้อน... งามชนิดที่ภาพถ่ายไม่สามารถเก็บได้ครบถ้วน...

แต่หากเป็นนักชมดอกไม้ที่มีประสบการณ์สักหน่อย เขาจะอดใจไม่จอดรถลงไปถ่ายรูป หรือตะลึงตะลานกับทุ่งดอกไม้ริมถนน อเวนิวไอ นานนัก ด้วยว่าจุดชมดอกไม้ที่สวยที่สุดอยู่ในบริเวณศูนย์อนุรักษ์พันธุ์แคลิฟอร์เนียป๊อปปี ที่รัฐบาลล้อมรั้วเอาไว้มากถึง 1,800 เอเคอร์

แต่ประเด็นที่บอกว่า ทุ่งดอกไม้ในพื้นที่อนุรักษ์พันธ์ุ จะสวยกว่าบริเวณรอบนอกนั้น ก็ไม่ถือว่าเป็นความจริงเสมอไป เพราะปริมาณดอกไม้ในพื้นที่แห้งแล้งของเมืองแลงแคสเตอร์แห่งนี้นั้น จะมากจะน้อยขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศ ปริมาณฝน และจังหวะที่ฝนตกในแต่ละปีด้วย ทำให้บางปีทุ่งดอกไม้ริมถนนก็ดูเหมือนจะ “หนาตา” กว่าปริมาณดอกไม้ในศูนย์อนุรักษ์ฯ 

เพื่อป้องกันความผิดหวัง ทางหน่วยงานดูแลปาร์คของรัฐ (Parks and Recreation) เลยทำการ “อัพเดท” ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพของทุ่งดอกไม้ (bloom status update) บนเว็บไซต์ (www.parks.ca.gov/?page_id=627) เป็นระยะ เพื่อให้นักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนหนึ่งอยู่ต่างรัฐ หรือเมืองไกลๆ จะได้วางแผนเดินทางมาเยือนได้ถูกต้องนั่นเอง

โดย bloom status update บนเว็บไซต์ของศูนย์บอกว่าขณะนี้ ดอกแคลิฟอร์เนียป๊อปปีกำลังบานเต็มที่ เฉพาะบริเวณฝั่งทิศตะวันออกของศูนย์ฯ และบอกด้วยว่า นอกจากแคลิฟอร์เนียป๊อปปีแล้ว ยังมีดอกไม้ป่าสีสันต่างๆ อย่างโกลด์ฟิลด์ส (สีเหลือง), ลูพิน (สีม่วง), ฟิลารีส (สีมาเจนต้า), ไวด์ ไฮอาซินธ์ (สีม่วง) และไอซี่ พาซีเลีย (สีคราม) บานแทรกสลับ จนสีสันของทุ่งดอกไม้เมืองแลงแคสเตอร์ในแต่ละวันไม่เคยเหมือนกัน

เว็บไซต์บอกด้วยว่าดอกไม้ที่นี่จะบานสวยงามอยู่แบบนี้จนถึงกลางเดือนเมษายน หรืออาจจะถึงปลายๆ เดือนเมษายนนี้...

ที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ป๊อปปีฯ ซึ่งคิดค่าจอดรถคันละ 10 ดอลลาร์นี้ จะมีทางเดินแบบที่เรียกว่า trail เป็นคอนกรีตบ้าง ดินบ้าง ลัดเลาะขึ้นลงไปตามเนินเขาที่ว่ากันว่าเป็นจุดชมทุ่งดอกไม้ท่ีสวยที่สุด ทางเดินเหล่านี้รวมๆ กันก็ยาวประมาณแปดไมล์ สามารถเดินท่องเที่ยวได้โดยอิสระ แต่มีข้อแม้ให้ระวังอยู่บ้าง เช่นอย่าออกนอกทาง หรือลุยลงไปในดงดอกไม้ แม้ว่าจะมีคน “นำร่อง” ลุยจนราบเอาไว้ก่อนหน้าแล้วก็ตาม 

ไม่ใช่เพราะจะทำลายทัศนียภาพ และส่งผลกระทบกับการแตกกอของแคลิฟอร์เนียป๊อปปีในปีหน้าเท่านั้น แต่รวมถึงอันตรายอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งจากงูหางกระดิ่งและรูของตัวโกเฟอร์ ที่อาจทำให้ขาแพลงได้ง่ายมากหากเหยียบลงไป

กลับมาที่งูหางกระดิ่งอีกสักนิด...

ทางศูนย์อนุรักษ์พันธุ์แคลิฟอร์เนียป๊อปปี เมืองแลงแคสเตอร์ เขาภูมิใจมากกับงูหางกระดิ่งพันธุ์พื้นเมืองของที่นี่ เป็นงูหางกระดิ่งพันธุ์ที่เรียกว่า “มาฮาวี กรีน แรทเทิลสเนก” ที่พิษของมันถือว่ามีอานุภาพร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่ง เต็มไปด้วยสารฮีโมท็อกซิน และนูโรท็อกซิน ซึ่งจะทำให้เลือดในตัวของเหยื่อที่ถูกกัดแข็งเป็นลิ่มเหมือนพุดดิ้งภายในเวลาอันรวดเร็ว...

โดยปกติแล้วงูพันธุ์นี้ (หรือพันธ์ุไหนๆ ก็ตาม) จะกลัวคน และเลื้อยหนีถ้าได้ยินเสียง แต่ถ้าจวนตัวขึ้นมาก็ “ฉับ” เข้าให้เหมือนกัน แต่ที่พิเศษคือเจ้ามาฮาวี กรีน แรทเทิลสเนก จะ dry bite หรือกัดคนโดยไม่ปล่อยพิษ เพราะจะเก็บพิษซึ่งมีน้อยเอาไว้ใช้กับ “ดินเนอร์” 

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเจอกับลูกงูวัยรุ่น ที่ยังไม่ประสีประสา (แต่พิษไม่น้อยกว่างูผู้ใหญ่ทั่วไป) ก็ไม่แน่เหมือนกันว่าจะลงเอยยังไง...

อีกประการหนึ่งที่ควรถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดระหว่างการไปเที่ยวชมทุ่งดอกไม้ที่แลงแคสเตอร์ นั่นคืออย่าเด็ดดอกไม้เล่น หรืออย่างน้อยก็ก็อย่าให้อาสาสมัคร หรือผู้ดูแลปาร์คที่เรียกว่า แรนเจอร์ เห็น...

ด้วยว่าถ้าจะมีการอ้างตำรากฎหมายขึ้นมาเอาผิดกับเราขึ้นมาละก็ เรื่องใหญ่ทีเดียว

เพราะกฎหมายของแคลิฟอร์เนียถือว่าการเคลื่อนย้ายพันธุ์ไม้ หรือส่วนประกอบของพันธุ์ไม้ (plant material) ไม่ว่าจะเป็นเม็ด เปลือก ราก กิ่ง ใบ ดอก ฯลฯ ออกจากพื้นที่ของรัฐ (state land) หรือพื้นที่ริมไฮเวย์ ที่ถือเป็นพื้นที่ดูแลของเคาน์ตี โดยไม่มีการขออนุญาต เป็นการทำผิดกฎหมาย...

แปลได้ว่า... การเด็ดดอกแคลิฟอร์เนียป๊อปปีจากปาร์คของรัฐ หรือริมไฮเวย์ที่อยู่ในความดูแลของเคาน์ตี ถือเป็นความผิดอาญาสถานเบา (misdemeanor) ที่กฎหมายระบุบทลงโทษเอาไว้ค่อนข้างแรง นั่นคือปรับไม่เกิน 1,000 ดอลลาร์ หรือจำคุกสูงสุดหกเดือน...

แต่ถามคุณลุงที่เป็นอาสาสมัครอยู่ในศูนย์อนุรักษ์พันธุ์แคลิฟอร์เนียป๊อปปีมาแล้ว... ลุงบอกว่าช่วยงานที่ศูนย์แห่งนี้มาจะครบห้าปีแล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครถูกลงโทษจากการเด็ดดอกไม้เล่นสักคน...

ในกรณีที่ไม่อยากเดินดุ่มชมดอกไม้ไปเรื่อยเปื่อย ก็แนะนำให้ร่วมไปกับทัวร์เดินชมดอกไม้ ซึ่งทางศูนย์ฯ จัดเอาไว้ เป็นทัวร์กลุ่มเล็ก คือประมาณ 10-15 คน ใช้เวลาเดินชมดอกไม้ประมาณชั่วโมงเศษๆ ในราคาคนละ 5 ดอลลาร์ แต่เว็บไซต์ของศูนย์ฯ บอกว่าเป็นทัวร์ที่ต้องจองล่วงหน้าประมาณสองสัปดาห์ (ทางอีเมล์ jean.Rhyne@parks.ca.gov) เพราะเป็นบริการที่ดำเนินการโดยอาสาสมัครวัยคุณลุงคุณป้า หรืออาจจะถึงคุณปู่คุณย่า เพียงไม่กี่คน จึงไม่ค่อยสมดุลย์กับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงดอกไม้บานเท่าไหร่

แต่ลุงอาสาสมัครคนเดิม บอกกับเราว่า ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์ป๊อปปีแห่งนี้ เปิดประตูให้บริการแทบจะพร้อมกับพระอาทิตย์ขึ้น... หากเข้าไปช่วงเช้าๆ ก็สามารถซื้อทัวร์ได้โดยไม่ต้องรอ เพราะยังมีนักท่องเที่ยวน้อย แถมช่วงเช้าที่อากาศกำลังสดชื่นนี้ ยังเป็นเวลาที่เหมาะมากในการชมดอกแคลิฟอร์เนียป๊อปปี เพราะทุกดอกเพิ่งสยายกลีบสดใหม่ออกรับแดด ไม่มีร่องรอยความบอบช้ำหรือฉีกขาดเสียหายจากแรงลมที่พัดค่อนข้างแรงในบริเวณหุบเขาแห่งนี้ด้วย

หากไปในช่วงบ่ายคล้อย หรือเย็นย่ำ ถึงจะอากาศดี แต่ธรรมชาติของแคลิฟอร์เนียป๊อปปีคือจะหุบในช่วงที่อากาศเริ่มเย็น... บางคนบอกว่าในวันที่อากาศหนาวจัดนั้น เจ้าดอกไม้สีส้มพร้อมใจกับหุบกลีบตั้งแต่บ่ายเลยทีเดียว...

และข้อดีของการไปชมดอกไม้แต่เช้า รวมถึงเลือกที่จะไปในช่วงวีคเดย์ คือระหว่างจันทร์ถึงศุกร์ ก็คือไม่ต้องแย่งที่จอดรถที่ไม่สมดุลย์กับปริมาณนักท่องเที่ยว บางช่วงของเสาร์-อาทิตย์ เราจะห็นรถยนต์รอคิวเข้าไปในศูนย์ยาวเหยียด เราเองก็เคยรอนานเกือบครึ่งชั่วโมงมาแล้ว...

แต่หากไม่อยากรอ หรืออยากประหยัดค่าจอดรถสิบดอลลาร์ก็ลองหาที่จอดริมถนนดู หากเจอก็จอดแล้วเดินเข้าไปในศูนย์ฯ ได้เลย...

อีกอย่างที่ต้องบอกไว้ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในศูนย์อนุรักษ์พันธุ์แคลิฟอร์เนียป๊อปปี คือเขาห้ามไม่ให้เอาหมาลงไปเดินด้วย ไม่ว่าเจ้าตูบของคุณจะมีสายจูงหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นหากมีน้องหมาร่วมทริปไปด้วย ก็ควรจะแวะชมดอกไม้กันริมถนนอย่างที่บอกไว้ตอนแรกดีกว่า... 

แต่ก็ควรระวัง อย่าเพลินกับการตะลุยเข้าไปถ่ายรูปในดงดอกไม้ หรือปล่อยให้น้องหมาควบตะบึงจนเกินงาม เพราะถึงจะไม่มี แรนเจอร์ คอยดูแล แต่ก็มีสายตาเดียจฉันท์ มีปากขมุบขมิบ หรืออาจมีเสียงตะโกนด่าจากนักท่องเที่ยวคนอื่นรออยู่...

เอาแค่พองาม เก็บทุ่งดอกไม้เมืองแลงแคสเตอร์ไว้ให้คนที่กำลังจะไปหลังจากอ่านบทความของสยามทาวน์ยูเอส เล่มนี้บ้างดีกว่า...

 




นำเสนอข่าวโดย : Kittisuda .,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
24-04-2024 จับ (ซะที) สามโจรทุบร้านไทยและ ฯลฯ กว่า 130 แห่งในแคลิฟอร์เนีย (0/165)   
23-04-2024 เตรียมปรับผังแอลเอเอ็กซ์ครั้งใหญ่ รับ “บอลโลก-โอลิมปิก (0/63) 
22-04-2024 จับโจร “งัดแมนชั่น” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ (0/161) 
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/247) 
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/272) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข