ข่าวคนไทยในอเมริกา
รายงานหน้าหนึ่ง : ทางออกกรณีธรรมกาย และประชาธิปไตยในคราบเผด็จการของรัฐบาลลุงตู่


ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ
















ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า และวัดพุทธธรรม เมืองวิลโลบรู๊ค รัฐอิลลินอยส์ ซึ่งเป็นพระภิกษุผู้เป็นที่รักและเคารพของพุทธศาสนิกชนจำนวนมากรูปนี้ ได้ชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ที่ทันสมัย มีมุมมองและทัศนคติเกี่ยวกับเหตุการณ์ความเป็นไปต่างๆ ทั้งในทางโลกและทางธรรมที่เฉียบคม น่ารับฟังเสมอ

การเดินทางไปกราบนมัสการท่านที่วัดพุทธปัญญา ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เราได้แง่คิดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเป็น “ประเด็นร้อน” ของเมืองไทยในเวลานี้ ทั้งในกรณีของวัดพระธรรมกาย และเรื่องของโรงไฟฟ้าถ่านหิน มานำเสนอ

ในกรณีของวัดพระธรรม ซึ่งขณะที่มีการสนทนากันนั้น บรรดาเจ้าหน้าที่ของดีเอสไอ ร่วมกับตำรวจและทหาร จำนวนหลายพันนาย ได้สนธิกำลังกันเข้าตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกายเป็นวันที่สอง เพื่อค้นหา พระเทพญาณมหามุนี หรือพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และการตรวจค้นจบลงอย่างที่ทราบกัน คือ “หาไม่พบ”

การเข้าควบคุมพื้นที่วัดพระธรรมกายตามมาตรา 44 โดยห้ามพระ-เณร รวมถึงคนทั่วไปเข้าออกดังกล่าว กลายเป็นเรื่อง “ตึงเครียด” ในสายตาของหลายฝ่าย รวมถึง ดร.พระมหาจรรยา ด้วย เพราะเห็นว่ามีโอกาสบานปลายไปสู่เหตุการณ์รุนแรงอื่นๆ ได้ง่าย

“ที่อาตมามองนี่ จุดบอดก็มีทั้งสองฝั่ง ของฝั่งธรรมกายคือมีเจตนาที่จะปกป้องหลวงพ่อที่เขาตั้งข้อหาไว้แล้วจนเกินไป จนไม่คิดว่าเป็นการทำผิดกฎหมาย นั่นคือบรรดาสานุศิษย์ และสอง หลวงพ่อเองก็เช่นเดียวกัน ตอนนี้เป็นโอกาสทองที่จะแสดงตามที่ท่านสร้างภาพเอาไว้ว่าเป็นเหมือนพระโพธิสัตว์ หรือเป็นผู้เสียสละเพื่อมนุษยชาติ แต่ตอนนี้กลับใช้ลูกศิษย์เป็นโล่ห์มนุษย์ ให้ลูกศิษย์ต้องทนทั้งร้อนทั้งยุงกัดอยู่ได้เป็นแรมเดือน ตรงนี้เกิดคำถามกับหลวงพ่อ ตกลงที่หลวงพ่อว่าจะมาปราบมาร หรือมาให้มารไล่ล่า ตรงนี้ก็กลายเป็นคำถามขึ้นมา กลับไปดูทางฝั่งรัฐบาล ฝั่งเจ้าหน้าที่ก็เหมือนกัน ก็รู้สึกว่าจะสะเปะสะปะ คือแทนที่จะสกรีนว่าจะจับเฉพาะผู้มีหมายจับเรื่องคดีฟอกเงินและรับของโจรเท่านั้น แต่พอไปถึงเพิ่มเป็น 300 กว่าคดี เจออะไรก็จับหมดนี่ แต่ว่าไปผิดประเด็น ไม่ปักหมุด เจอรั้วเอารั้ว เจอตึกเอาตึก เจออะไรผิดจับหมด ที่จริงคุณมาผิดงานหรือเปล่า ที่จับจะจับเรื่องเดียว แต่บานปลายไป 350 เรื่อง”

ทางทีดี ที่เหมาะสมในสายตาของท่าน ควรเป็นการร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย กำหนดกรอบเวลาให้ชัดเจน

“ฝ่ายโน้นก็บอกว่า เข้าไปเลย อันนี้เป็นเรื่องของหลวงพ่อ ก็เปิดทางเชิญเจ้าหน้าที่เข้าไป ฝ่ายเจ้าหน้าที่ก็ไม่ใช่ว่าปะฉะดะ เจอพระจัดการพระ เจอโยมจัดการโยม ไม่ได้ จะต้องเคลียร์เลย บอกว่านิมนต์พระสงฆ์สวดไป เชิญญาติโยมนั่งสมาธิไป ผมทำหน้าที่ ไม่เอาปืนเข้าไป จนกว่าจะถึงเป้าหมาย มีกี่เป้า มีกุฎิหลวงพ่อธัมชโยเท่าไหร่ หาให้หมด เมื่อหาแล้วไม่พบก็แถลงว่าไม่พบ เพราะอยากตั้งคำถามว่าจับได้ทุกคนไหม ผู้ร้ายในประเทศไทยที่ออกหมายจับแล้ว ที่จับไม่ได้ หลุดไปก็มีเยอะ นี่ปีนึงแล้วนะที่จับไม่ได้แล้ว ก็ถือว่าคุณทำดีที่สุด ค้นทุกจุด ทางวัดก็เปิดให้ค้นทุกจุด ไม่พบก็บอกว่าไม่พบ แต่ขณะเดียวกัน อายุความ 15 ปีนะ หลวงพ่อท่านไปปรากฎกายที่ไหนก็จับ ถ้าเป็นอย่างนี้ความวุ่นวายไม่เกิด ไม่สูญเสียงบประมาณ ไม่สูญเสียทรัพยากร ไม่สร้างความเครียดให้สังคม”

โดยท่านบอกว่า การยึดพื้นที่วัดธรรมกายเป็นพื้นที่ควบคุม ควรมีอายุไม่เกินเจ็ดวัน

“ถ้า คสช.ปิดมาก จะกลายเป็นเกิดรายการโรคแทรกซ้อน ที่อาตมาเจริญพรนี่ กลัวเรื่องนี้ ไม่ได้มีความปรารถนาอื่นเลย” 

ส่วนประเด็นที่ถามกันให้สนั่นว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดพระธรรมกายหรือไม่นั้น ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ บอกว่าคาดเดาได้ยาก

“ในฐานะของผู้มีบารมี มีลูกศิษย์ลูกหาเยอะนี่ หนึ่ง ยังอยู่ในประเทศไทย แต่ไม่ได้อยู่ในวัดแล้ว อาจจะออกไปนานแล้ว เพราะเรามีวันสำคัญเยอะในช่วงที่ผ่านมา ตั้งแต่การทำบุญถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ช่วงนั้นคนก็เทความสนใจไปทางโน้น หรือก่อนนั้นก็มีการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ช่วงนั้นข่าวของธรรมกายก็ลดลง การขยับเคลื่อนตัวก็มี ก็สามารถขยับขยายได้ และเส้นสาย ในฐานะทำงานพระศาสนามานาน 30 ปี ลูกศิษย์มีอยู่ทุกจุด อาตมาก็เห็นตอนนี้จะมีการปั้มเหรียญขนาดใหญ่ของธรรมกาย มีระดับรองผู้กำกับ ไปนั่งปั้มเหรียญอยู่ในนั้นด้วย แต่งชุดตำรวจเต็มยศเลย เส้นสาย สายลับจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ อาจขยับตัวออกไปจากวัดแล้วแหละ ไม่ปลอดภัยถ้าโดนล้อมแบบนี้ ไปจำวัดตามบ้านญาติโยม ขยับตัวไปเรื่อยๆ ซึ่งก็ไม่อยากแล้ว”

ส่วนการหลบหนีออกนอกประเทศนั้น ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ บอกว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกัน

“ทำได้ไม่ยาก โดยเฉพาะการมาทางสหรัฐฯ เขาก็ดูข่าวอยู่แล้ว สหรัฐฯ ก็ชอบ กรณีแบบนี้มาก็ช่วยทำกรีนคาร์ดให้เร็วด้วย ในฐานะผู้อพยพ ผู้หนีภัยการเมืองแบบนี้ได้เร็ว”

ท้วงว่าผู้ต้องหาคดีอาญา ทั้งฟอกเงินและรับของโจร คงไม่เข้าข่ายมีสิทธิ์ขอลี้ภัยการเมืองได้ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา ตอบว่าโดยหลักการก็ควรเป็นเช่นนั้น แต่บางกรณี เรื่อง “ลึกลับ” ก็เกิดขึ้นได้ โดยยกกรณีของอดีตพระ “เณรคำ” ซึ่งหนีคดีอาญารุนแรง ถึงขั้นรังแกทางเพศผู้เยาว์ เป็นตัวอย่าง

“อาตมาถามผู้ใกล้ชิดเขา บอกว่าแทนที่จะเจอคดีต่างๆ แบบเมืองไทย ไม่เลย กลายเป็นแค่เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเท่านั้นเอง จะไม่มีโอกาสส่งตัวกลับเมืองไทยด้วย เพราะกำลังให้ทนายยื่นโน่นยื่นนี่อีก นี่แค่เป็นเณรด้วย ไม่ได้เป็นพระราชาคณะนะ แล้วขนาดพระเทพญาณมหามุนี จะขนาดไหน”

เรามองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับพระธัมมชโย น่าจะสร้างวิกฤติศรัทธาให้เกิดขึ้นวัดพระธรรมกาย และทำให้อาณาจักรแห่งนี้ค่อยๆ เสื่อมสลายลง แต่ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโร กลับเห็นต่าง

“เพราะว่าธรรมกายจริงๆ แล้วไม่ได้ชูหลวงพ่อธัมมชโย แต่เขาสร้างระบบการปกครองที่ดีมาก ขออภัย ถ้ามองการปกครองของธรรมกายว่าเป็นระบบที่ดี และเครือข่ายต่างๆ ของบรรดาศิษย์ ที่ไปตกที่ไหนเขาก็ขึ้นทันที เหมือนกับเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ที่ตกลงดินไหนก็งอกทันที เราจะเห็นได้ว่าในอเมริกานี่ มาแบบไฟลามทุ่งเลย วัดจะมากที่สุดกว่าวัดสายอื่นๆ ในขณะนี้ แล้วแต่ละวัด พอลงปุ๊บเขาก็เซ็ตระบบ มีคณะกรรมการบริหาร ทำโปรเจ็กต์ได้นำหน้าไปเลย ในยุโรปนี่ โบสถ์ต่างๆ งามๆ นี่จัดการซื้อได้หมด เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ฝีมือหลวงพ่อธัมมชโยคนเดียว แต่เขาเซ็ตระบบแล้ว ระบบศรัทธาที่มีความเชื่อถือแบบนั้น สามารถรวมคนมาทางนี้เลย ชัดเลย ถ้ามาก็คือเดินมาตรงนี้เลย เพราะฉะนั้นจุดเสื่อมยังเป็นไปได้ยาก”

แต่จุดเสื่อมของธรรมกายก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี

“นี่ไม่ใช่ชี้โพรงให้กระรอกนะ แต่ว่ากระรอกน่าจะเข้าไปอยู่เต็มแล้ว (หัวเราะ)... คือถ้าสมมุติเปลี่ยนเจ้าอาวาสใหม่ แต่โดยคำสั่ง คสช. นะ เรียกว่าเบียดเบียนวัดเยอะสักหน่อยนึง คือเพียงแต่เอาพระเถระอื่น เอาที่หลวงพ่อธัมมชโยนับถือด้วย ไม่ได้ถึงขนาดเอาหลวงพ่อพุทธอิสระไปอยู่ธรรมกาย ไม่ถึงกับข้ามห้วยขนาดนั้น นิมนต์พระผู้ใหญ่ ที่พระธัมมชโยนับถือนี่แหละ ความบูมจะค่อยลดลง เพราะความจริงมันไม่ใช่เรื่องศักดิ์สิทธิ์ แต่เป็นฝีฝือการบริหาร”

ดร.พระมหาจรรยา สรุปประเด็นนี้ว่าหากปล่อยให้วัดพระธรรมกายบริหารจัดการกันเอง วัดพระธรรมกายจะอยู่ได้อีกเป็นร้อยปี!!!

จากการการสนทนาก็เคลื่อนมาสู่ประเด็นการคัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ที่กำลังทำท่าว่าจะบานปลาย ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะออกมาแสดงท่าทีที่อ่อนลง บอกว่าให้ชะลอโครงการไปก่อน

ซึ่งท่าทีของนายกรัฐมนตรี ดังกล่าว ดร.พระมหาจรรยา มองว่าเป็นการ “ฟังเสียงประชาชน” ของผู้นำที่มาจากการรัฐประหาร และเป็นท่าทีที่ “น่าอนุโมทนา” อย่างยิ่ง

“เมืองไทยนี่ ถ้าเราจะถามว่ามีความก้าวหน้าไหม ประชาธิปไตย มันเดินไม่หยุดนะ เป็นเพียงแต่ form (รูปแบบ) เท่านั้นที่ถูกมองโดยหลักรัฐศาสตร์ว่าเป็นเผด็จการ แต่ถ้าโดยตัวเลือกที่กำลังเดินอยู่ตอนนี้ เป็นประชาธิปไตยล้วนๆ ดู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่ โดยฟอร์ม ตามหลักรัฐศาสตร์ ไม่มีใครเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยหรอก ถ้าขืนตอบว่ารัฐบาล พล.ประยุทธ์ เป็นประชาธิปไตยก็คือสอบตกรัฐศาสตร์ ใช่ไหม เพราะโดยฟอร์มแล้วมันไม่ใช่ แต่อาตมาเจาะลึกถึงวิญญาณ โดยการเคลื่อนไหวหลายเรื่อง ตั้งแต่เหมืองทองคำ อันนั้นก็ถือว่ามีวิญญาณที่เป็นประชาธิปไตย ฟังประชาชนเสร็จ ผู้นำเผด็จการก็สั่งหยุด นั่นก็คือประชาธิปไตยนั่นเอง เป็นประชาธิปไตยโดย practical (ทางปฏิบัติ) แต่ว่าโดยฟอร์มเป็นเผด็จการ ว่ากันชัดๆ แบบนี้”

เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญามองว่าความเป็นไปในขณะนี้ ถือเป็นโอกาสดีในการเร่งสร้งความเป็นประชาธิปไตยเต็มใบให้เกิดขึ้นในเมืองไทย

“ตอนนี้ ท่านนายกฯ เป็นเผด็จการแต่กาย แต่ใจเป็นประชาธิปไตย ต้องรีบทำ เพราะมีกฎหมายที่เข้มแข็งอยู่ในมือ ต้องเร่งสร้างประชาธิปไตย และบอกลูกหลานว่านี่คือประชาธิปไตยในวิญญาณ คือการรับฟัง แค่นั่งลงฟัง ความรักก็เกิดขึ้นแล้ว”

ท่านบอกย้ำว่า การฟังเสียงประชาชนคือสิ่งสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย โดยยกตัวอย่างว่า  “อาตมาเรียนจบรัฐศาสตร์ที่อินเดียมา เคยมีการตั้งปัญหาในห้องเรียนว่านายกรัฐมนตรีต้องรู้ทุกเรื่องไหม อาจารย์ตอบว่าไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง รู้เรื่องเดียว คือรู้เรื่องความทุกข์ของประชาชน นายกฯ รู้แค่นี้ก็พอ ที่บอกว่ารู้ทุกข์เพราะอะไร อย่างกรณีนี้ไง ที่พี่น้องชาวกระบี่มาก็คือนำทุกข์มาบอก ทุกข์ชั่วลูกชั่วหลาน เด็กเกิดมาจะพิการ ชาติจะอ่อนแอ ทีนี้พอนายกฯ รู้ทุกข์แล้ว เรามีปลัดกระทรวง พวกที่ต้องรู้ลึก รู้จริง เพราะฉะนั้น รู้ทุกข์ตัวเดียวเป็นนายกฯ ได้ รู้ทุกข์แล้วปักหมุด เครื่องมือแก้ทุกข์มี เงินมี งบประมาณมี บุคคลากรมี ทหารมี”

“ท่านมีโอกาสเยอะ ก็คือมีอำนาจเผด็จการอยู่ในมือ เอาเผด็จการไปสร้างประชาธิปไตย สั่งการลงไปว่าประชุม คุย บอก หาผลมา ท่านไม่ต้องลงไปเองหรอก ตรงไหนที่มันอัดอั้นตันใจ เอ้า เชิญลุกขึ้นมาพูดระบายออกมา แล้วบอกทางออกที่มันมีมากกว่าที่ทางรัฐบาลคิดได้ กลายเป็นหลายหัวดีกว่าหัวเดียว เข้าตำรา ถ้าได้ทางออกแล้ว ทำได้ ทำแล้วไม่มีปัญหา ก็ทำเลย แต่ถ้าสร้างปัญหา ก็อธิบายว่ามีปัญหาอะไรที่ทำให้ไม่ได้...

“ถ้าเป็นแบบนี้ ประเทศเราก็น่าอยู่ การปรองดองเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติเลย”  ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ สรุปแบบนี้...




 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
24-04-2024 จับ (ซะที) สามโจรทุบร้านไทยและ ฯลฯ กว่า 130 แห่งในแคลิฟอร์เนีย (0/257) 
23-04-2024 เตรียมปรับผังแอลเอเอ็กซ์ครั้งใหญ่ รับ “บอลโลก-โอลิมปิก (0/69) 
22-04-2024 จับโจร “งัดแมนชั่น” นายกเทศมนตรีเมืองแอลเอ (0/169) 
19-04-2024 เอาให้ชัด! ฟาสต์ฟู้ดแคลิฟอร์เนียแพงขึ้นเท่าไหร่ หลังปรับค่าแรง 20 เหรียญ (0/261) 
17-04-2024 รายได้เท่าไหร่ ถึงจะอยู่แบบ “สบายๆ” ในแคลิฟอร์เนีย (0/272) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข