การกำหนดว่า เดือนไหน วันไหน เวลาไหน ยามไหน จะเป็นฤกษ์งามยามดี มีผู้เชี่ยวชาญคอยคำนวณตามหลักการโบราณที่ปฏิบัติสืบๆกันมาเป็นพันๆปีแล้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านฤกษ์ยามนี้มีชื่อเรียกรวมๆ กันว่า โหร ตำแหน่งโหรนี้ เริ่มตั้งแต่เป็นตำแหน่งสมัครเล่นจนกลายเป็นมืออาชีพไปในที่สุด

ชีวิตของโหรเองจะรุ่งเรืองหรือจะรุ่งริ่ง ขึ้นอยู่กับฝีมือการบอกฤกษ์ยามให้แก่ลูกค้า หากลูกค้ามารับฤกษ์ยามไปแล้ว ปฏิบัติแล้ว ทำมาค้าขึ้น ธุรกิจที่ทำตามคำบอกฤกษ์ให้ยามของโหรนั้นเจริญรุ่งเรือง ดึงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ ไม่นานโหรคนนั้นก็จะโด่งดังเป็นที่นิยมตั้งแต่ระดับท้องถิ่น ระดับชาติ ถึงระดับนานาชาติก็มี แต่ถ้าโหรคนใด บอกวันเวลาให้ลูกค้าไปแล้ว ชีวิตลูกค้าไม่รุ่งเรืองหวือหวา ซ้ำร้ายพอทำไปตามคำทำนายนั้น ชีวิต ธุรกิจการค้า กลับแย่ลงไปพร้อมๆ กัน ความนิยมของโหรก็ลดลง สุดท้ายอาจจะต้องยกเลิกอาชีพโหรไปทำอาชีพอื่นต่อไปก็มีไม่น้อย

สมัยโบราณ คนที่ทำหน้าที่เป็นโหร ทำหน้าที่ในราชสำนักตำแหน่ง ท่านโหราจารย์ คอยบอกวันเวลาที่ทางราชสำนักจะเคลื่อนทัพหรือกระทำการใดๆ ปัจจุบันนี้นักธุรกิจใหญ่ๆหรือข้าราชการตำแหน่งสำคัญๆ  ก็มีโหรประจำตัวกันอยู่มาก ขึ้นอยู่กับว่าจะเปิดเผยกันหรือไม่ แต่ข่าวซุปซิบก็ซุปซิบกันไปว่า โหรชื่อนั้น เป็นโหรประจำตัวของผู้ใหญ่คนนั้น เวลาจะกระทำการใดๆก็ต้องถามกันให้แน่เสียก่อน โดยเฉพาะธุรกิจชนิดที่ทำแล้วผิดพลาดอาจเสียชีวิต และถ้าทำแล้วไม่พลาดอาจพุ่งและรุ่งโรจน์ จะต้องมีโหรคอยดูแลอย่างใกล้ชิดทีเดียว

ได้ทราบว่า ความเชื่อถือแบบนี้มิได้มีเฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่คนประเทศอื่นที่นับถือศาสนาอื่นๆ ที่ห้ามปรามเรื่องนี้อย่างเอาเป็นเอาตาย เวลาจะทำอะไรใหญ่ๆก็แอบย่องไปหาท่านโหรใหญ่ในที่ต่างๆ ก็มีไม่น้อย เพราะความกลัวและความอยากเป็นสัญชาตญาณของสัตว์ที่ไร้พรมแดน    

แม้ปรากฏการณ์เหล่านี้ คัมภีร์พระพุทธศาสนาจะเรียกว่า เดรัจฉานวิชา แต่เมื่อมนุษย์ปรารถนา พระสงฆ์จำนวนไม่น้อยก็นิยมทำกันอยู่อย่างเป็นกอบเป็นกำ เป็นล่ำเป็นสันด้วยเหตุผลว่า ทำให้ญาติโยมสบายใจ การที่พระพุทธเจ้าเรียกวิชาเหล่านี้ว่า เป็นเดรัจฉานวิชา เพราะเป็นความรู้ที่ขัดขวางต่อทางพระนิพพาน เพราะส่วนใหญ่วิชาเหล่านี้มักไปตอบสนองทิศทางแห่ง ความโลภบ้าง โกรธ บ้าง และหลงบ้างเกือบทั้งนั้น

สำหรับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา ได้กล่าวถึงเรื่องวันเวลาไว้กลางๆ ว่า หากวันเวลาใดทำดี พูดดี คิดดี วันเวลานั้นจะเป็นวันดี หากวันเวลาใดทำชั่ว พูดชั่วและคิดชั่ว วันเวลานั้นจะชั่วทันที คนที่คอยรอฤกษ์ยามอาจจะพลาดโอกาสดีๆ ไปมากมาย  เพราะวันเวลาไม่เคยคอยใคร เมื่อเห็นว่าอะไรดี ต้องลงมือทำทันทีไม่ต้องรอเวลาหรือฤกษ์ยามแต่ประการใด

ในทางพระพุทธศาสนา มองความดีที่การกระทำ คือ เมือลงมือทำความดี พูดดีและคิดดี ความดีก็เกิดทันที ไม่เล็งเห็นผลเลิศว่าทำดีแล้วจะได้อะไร เพราะความดีนั้นมีดีอยู่ในตัวอย่างถูกต้องตรงตามเหตุและผล ความดีนั้นย่อมให้ผลตามสมควรแก่เหตุ

ชาวพุทธส่วนใหญ่เชื่อว่า วันไหนทำอะไรแล้วรู้สึกสบายใจเป็นวันดี เช่น ได้ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ช่วยเหลือแล้วมีความสุข ได้พบกับญาติพี่น้องพร้อมหน้าในวันเทศกาลก็มีความสุข เวลาทำงานต่างๆในชีวิตประจำวัน ทำแล้วสบายใจ มีความสุขก็ถือว่า เป็นวันดี

ถ้าเราถือว่า วันเวลาที่รู้สึกว่าเป็นสุขเป็นความดี สิ่งที่ต้องทำในทุกๆ วัน ไม่ว่าธรรมดาหรือวันสำคัญ คงไม่ใช่การเดินไปหาโหรแล้วถามโหรว่า วันเวลาใดเป็นวันดีฤกษ์ดี แต่ต้องมาดูใจของตนว่า วันนี้ใจดีไหม ถ้าใจดีก็เป็นวันดี แต่ถ้าใจไม่ดี วันนี้มิใช่วันดี สิ่งที่ต้องทำด่วนคือ ปรับใจที่ไม่ดีให้เป็นใจดี แล้ววันนั้นจะเป็นวันดีทันที  การทำให้ทุกวันเป็นวันดีทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้

ตื่นเช้าขึ้นมาตรวจสอบใจตนเองเสียก่อนว่าดีหรือไม่ดี ถ้าใจดีจะมีลักษณะดังนี้ บริสุทธิ์ตอนเช้า ขาวตอนเที่ยง เกลี้ยงตอนบ่าย สบายตอนทำงาน เบิกบานตลอดเวลา ถ้าพบว่าใจเป็นอย่างนี้วันเวลานี้ดีแน่ๆ ถ้าตื่นเช้าขึ้นมาตรวจพบว่า หงุดหงิดตอนเช้า ก้าวร้าวตอนเที่ยง เดี้ยงตอนบ่าย จะตายตอนทำงาน ฟุ้งซ่านตลอดเวลา วันนี้ไม่ดีแน่จำต้องปรับให้ดีทันที

ต้องปรับทัศนคติจาก การเดินทางไปหาโหรเพื่อดูวันดีก่อนทำกิจการต่างๆ เปลี่ยนมาเป็นดูใจตนเอง ก่อนทำ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำธุรกิจต่างๆ ว่าใจดีใจร้ายอย่างไรแค่ไหน ใจพร้อมที่จะทำเรื่องราวนั้นๆ ไหม ถ้าไม่พร้อม ก็ค้นคว้าต่อรีบปรับใจใหม่ให้พร้อม

ต้องหมั่นฝึกใจ ให้มีความมั่นคง บริสุทธิ์ อ่อนโยน พร้อมจะทำงานต่างๆ อย่างมีความสุข เพราะความรู้สึกว่า เป็นสุขและสนุกกับการทำงาน เป็นความรู้สึกที่เป็นกุศลและเป็นมงคลโดยแท้

ไม่ควรฝากความสุขหรือความทุกข์ไว้กับคนอื่น จะสุขหรือจะทุกข์แต่ละครั้งต้องขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนอื่น เราจะหาความสุขแทบไม่ได้ เพราะไม่มีใครจะทำอะไรให้เราถูกใจหรือสุขสมหวังตามความปรารถนาได้

ควรหาความสุขจากภายในตนเองโดยการทำใจให้รู้สึกพอใจในสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่กำลังกระทำอยู่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอย่างไร ใส่ความพอใจเข้าไป หากงานที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นปัญหา ก็ใส่ความพอใจในการศึกษาปัญหา หาสาเหตุของปัญหา หาทางแก้ปัญหาด้วยความพอใจไม่เหนื่อยไม่หน่าย แม้เจอความยากก็พอใจที่จะแก้ไขหากแก้ไขสำเร็จก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะการทำของหนักหรือของยาก ถ้าทำบ่อยๆ จะทำได้ง่ายขึ้นตามลำดับ  นั่นก็หมายความว่าทุกครั้งที่เจองานหนักก็ยิ้มอย่างพอใจที่จะได้ทำงานนั้นๆ อย่างท้าทายได้เพิ่มปัญญาและประสบการณ์

ไม่บ่นว่า ไม่เอะอะโวยวายใคร เพื่อให้ตนเองรู้สึกว่าดี จะเป็นเสนียดต่อตนเองในระยะยาวที่จะละเลยการมองตนเองแล้วไปมองแต่คนอื่น ถ้ามองหาตนเองก็จะพบความถูกต้องดีงามของตนเองอันจะนำไปสู่การพัฒนาให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น แต่ถ้าหมั่นมองหาความผิดคนอื่นก็จะพบแต่ความผิด เมื่อเก็บความผิดสุมไว้ในใจมากๆ จะติดอยู่ในความผิดหาทางออกที่ถูกต้องไม่พบ หาความสุขไม่พบ วันเวลาแบบนี้จะเป็นวันเวลาที่เลวร้ายตลอดไป โหรคนไหนก็มานำทางออกไปจากความเลวร้ายนี้ไม่ได้

เมื่อทำความเข้าใจว่า วันที่ใจดีคือวันดี วันที่ใจร้าย คือ วันร้าย แล้วสามารถเปลี่ยนใจที่ร้ายให้กลายเป็นใจดีอย่างทันท่วงที เพราะฝึกตามดูใจจนเข้าใจความเปลี่ยนแปลงของใจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้เป็นอย่างดี จนสามารถเปลี่ยนใจให้เป็นไปในทางดีงาม เป็นกุศลเปี่ยมด้วยความคิดไตร่ตรองอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง จนใจตั้งอยู่ในทางดีได้ทันท่วงทีเสมอ ใจได้รับการคุ้มครองโดยธรรม ชีวิตก็มีความสุขได้ง่าย ตื่นเช้าขึ้นมาทุกวันจะพบแต่วันดีทุกวันตามคำภาษาอังกฤษที่ว่า Have a good day นั่นเอง ขออวยพร ให้ท่านผู้อ่านทุกท่านจงประสบแต่วันเวลาดีๆ มีความสุขทุกวันเทอญ

วันที่ 4 กรกฎาคม 2561 เวลา 5.38 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย