เมื่อ 14 ธ.ค.60 สำนักข่าวต่างประเทศ และรอยเตอร์ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ไฟไหม้ป่าที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐฯ ซึ่งเรียกว่า ‘ไฟป่าโธมัส’ ว่า ทีมดับเพลิงและกู้ภัยสหรัฐฯ ยังไม่สามารถควบคุมไฟป่าได้สำเร็จ หลังเกิดไฟป่าเข้าสู่วันที่ 10 และพระเพลิงได้เผาผลาญบ้านเรือนประชาชนไปแล้วกว่า 700 หลัง ถึงวันพุธที่ 13 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนถูกบันทึกให้เป็นไฟไหม้ป่าครั้งใหญ่สุดเป็นลำดับที่ 5 ของรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นไฟป่าที่เป็นอันตรายมากสุดเป็นประวัติการณ์ของรัฐนี้


รอยเตอร์แจ้งว่า ไฟป่าโธมัส ที่พระเพลิงยังโหมรุนแรงจากอิทธิพลของกระแสลม ‘ซานตา อานา’ ยังเป็นภัยคุกคามต่อชุมชนของเขตซานตา บาร์บารา, คาร์ปินทีเรีย, ซัมเมอร์แลนด์ และมอนเทซิโต โดยไฟป่าโธมัส ที่อุบัติขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. ใกล้กับชุมชน Ojai ได้เผาผลาญพื้นที่ในเขตเวนทูราและซานตา บาร์บารา ไปแล้วถึง 953 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่กว่านครนิวยอร์ก โดยโรงเรียนเอกชนจำนวนมากในเขตซานตา บาร์บารา ได้ปิดโรงเรียน หยุดการเรียนการสอนในช่วงสัปดาห์นี้ และจะไม่เปิดโรงเรียนจนกว่ากระแสลมเย็นประจำปีจะมาถึงในเดือนมกราคม


ขณะที่ บีบีซี รายงานด้วยว่า จนถึงวันที่ 14 ธ.ค. เหตุไฟป่าที่เขตซานตา บาร์บารา และเวนทูรา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถควบคุมเพลิงได้เพียง 25% เท่านั้น ขณะเหตุไฟป่าเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว และทีมดับเพลิงได้ใช้น้ำประมาณ 2.4 ล้านแกลลอน ราดรดดับไฟป่าในเขตซานตา บาร์บารา แต่กระแสลมแรงได้ทำให้ไฟโหมลุกลามอย่างรวดเร็ว


ทั้งนี้ ไฟป่าที่เมืองซานดิเอโก และลอสแอนเจลิส สัปดาห์ห์ก่อน ซึ่งเรียกว่า ‘ไฟป่าสเคอร์บอลล์’ ส่วนใหญ่ทีมดับเพลิงสามารถควบคุมไฟป่าได้แล้ว โดยได้ทำลายบ้าน 6 หลัง ในย่านถิ่นคนรวย เบล-แอร์ ในลอสแอนเจลิส และเผาไหม้อาคารหลังหนึ่ง ที่โรงไวน์ ของรูเพิร์ต เมอร์ดอช เจ้าพ่อสื่อยักษ์ใหญ่ด้วย.