ตูน บอดี้สแลม ตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะวิ่งจาก เขตใต้สุดแดนสยาม อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ไปยังเขตเหนือสุดแดนสยามที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย ขณะที่เขียนบทความนี้เขาวิ่งเข้าสู่เขตจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว กว่าบทความชิ้นนี้จะได้ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรัฐแคลิฟอร์เนีย เขาคงจะวิ่งพ้นเขตจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้าสู่เขตภาคใต้ตอนบนแล้ว ระยะทางล่าสุดที่เขาวิ่งผ่านไปแล้วคือ 469.09  กิโลเมตร นั่นคือ เขาวิ่งผ่านไป หนึ่งในห้าของเป้า 2,191 กิโลเมตร นักข่าวรายงานว่า เขาวิ่งทุบสถิติที่ทำไว้คราวก่อนที่ 400 กิโลเมตร เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ตูน เคยให้สัมภาษณ์ นักข่าวที่เคยสัมภาษณ์เขาถึงจุดประสงค์แห่งการวิ่งเอาไว้ว่า

เพื่อระดมเงินให้ได้ 700 ล้านบาท เพื่อนำไปบริจาคแก่โรงพยาบาลต่างๆ 11 แห่งที่ต้องการความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์และสิ่งจำเป็นในด้านการรักษาพยาบาลเป็นการด่วน การที่ตูนตั้งเป้าไว้ 700 ล้านบาท โดยคิดคำนวนคร่าวๆว่า ถ้าประชากรไทยมีจำนวน 70 ล้านคน แต่ละคนช่วยกันบริจาคคนละ 10 บาท ก็จะได้เงิน 700 ล้านบาท บนฐานแนวคิดแห่งการรวมพลังว่า คนจำนวนมากช่วยกันบริจาคคนละน้อยๆ ดีกว่าคนจำนวนน้อยบริจาคคนละมากๆ

เพื่อเป็นกำลังใจแก่แพทย์และพยาบาลที่ทำหน้าที่ดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยตามโรงพยาบาลต่างๆด้วยความเหน็ดเหนื่อยและเสียสละ เพื่อให้ผู้ป่วยพ้นจากอาการป่วยไข้ มีสุขภาพดีขึ้น

เพื่อกระตุ้นให้ผู้ที่เห็นอกเห็นใจแพทย์และพยาบาล ได้ดูแลสุขภาพของตนเองโดยการออกกำลังกายด้วยการเดินหรือวิ่ง เมื่อสุขภาพดีแล้วไม่ต้องไปรบกวนเวลาของแพทย์และพยาบาลมารักษาอาการป่วยไข้ แต่แพทย์พยาบาลจะได้ทุ่มเทเวลาและความรู้ความสามารถรักษาผู้ที่มีอาการป่วยหนักจริงๆให้มีอาการดีขึ้นโดยพลัน

นี่คือ จุดประสงค์ของการเสียสละเวลาอันมีค่าในการทำมาหากินของตนมาวิ่งเพื่อระดมทุนช่วยโรงพยาบาลในระยะทาง 2,191 กิโลเมตร จากใต้สุดแดนสยามสู่เหนือสุดแดนสยาม

เมื่อเขาเริ่มออกวิ่งที่จุดเริ่มต้น วันนั้นมีผู้ใจบุญบริจาคเงินแล้ว 40 ล้านบาท ตลอดเส้นทางที่วิ่งผ่านมีข้าราชการ ทหาร พระสงฆ์ ครูสอนศาสนา ตำรวจ ชาวบ้าน นักเรียน นักศึกษา เยาวชน ผู้สูงอายุ คนชรา คนป่วยที่นอนอยู่ตามโรงพยาบาลหลายคนหิ้วสายน้ำเกลือ ระโยงระยางมาดักรอบริจาคเงินให้เขา มหาเศรษฐีเมืองนครีธรรมราชประกาศบริจาค 16 ล้านบาทร่วมการมหากุศลครั้งนี้

จำนวนเงินบริจาคล่าสุดคือ 184,995,778.31 บาท หรือ ประมาณ 184 ล้านบาท

จังหวัดยะลาและปัตตานี ที่เคยเป็นพื้นที่สีแดงร้อนระอุด้วยความขัดแย้งมี เสียงปืน เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา ประชาชนอยู่กันด้วยความระแวงหวาดผวา มีการแบ่งแยกเชื้อชาติศาสนาเคียดแค้นชิงชังเข่นฆ่ากันไม่ว่างเว้น เป็นที่น่าสะพรึงกลัว แก่คนที่อยู่ในท้องที่และผู้ไปเยือน

แต่พอตูน และคณะวิ่งการมหากุศลผ่าน ประชาชนที่เคยขัดแย้งแตกแยก ก็กลับหันหน้าเข้าหากัน จับมือกัน ต่างคนต่างยื่นมือออกมาร่วมบริจาคเงินตามกำลังศรัทธา ถ่ายภาพกับตูนอย่างอบอุ่น ยิ่งหลายวันผ่านไปดูเหมือนดวงใจไทยพุทธและมุสลิมที่เคยห่างเหินก็ขยับเข้าหากันอย่างใกล้ชิด กำแพงแห่งความเกลียดชังถูกพลังแห่งความรักและความเสียสละกัดเซาะพังทลายลงในชั่วข้ามคืน

เสียงปืนเสียงระเบิดที่เคยดังสนั่นหวั่นไหว เงียบสงบลง แม้วันนี้ตูนวิ่งผ่านพื้นที่สีแดงและสีชมพูไปหลายวันแล้ว แต่เสียงปืนเสียงระเบิดก็ยังคงสงบ บรรยากาศที่อบอวลด้วยมิตรภาพอันอบอุ่นยังคงดำรงอยู่ ขอภาวนาร่วมกันว่า ขอให้ชายแดนใต้ปลายด้ามขวานจงสงบร่มเย็นแบบนี้ตลอดไปตราบเท่านานแสนนาน ความสงบครั้งนี้ มิใช่สงบเพราะทหาร หรือ ตำรวจตรวจตราเข้มแข็งเพียงอย่างเดียว แต่แท้จริงแล้วเกิดจากการที่ประชาชนในแดนใต้ปลายด้ามขวานได้วางอาวุธ วางปืน วางมีด วางระเบิดมิได้นำมาเข่นฆ่ากันอีกต่อไป แล้วมาจับมือกันแทน ความสงบในครั้งนี้ให้บทเรียนแก่ชาวใต้ปลายด้ามขวานทุกคนว่า สันติภาพเกิดขึ้นได้ง่ายๆจากน้ำมือและน้ำใจของประชาชนทุกคน ผู้ปล่อยวางความเกลียดชังแล้วมามอบความรักความเห็นใจ ความประทับใจความเสียสละให้แก่กันและกัน

มีคนเขียนสดุดีการวิ่งมหากุศลของตูนครั้งนี้ว่า ตูน คือ ทูตสันติสุข ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในสังคมไทยที่ไม่ค่อยจะพบได้ง่ายนัก นาทีนี้เขากลายเป็นศูนย์รวมใจของคนทุกเพศ ทุกวัย ทุกศาสนาทุกวัฒนธรรม ที่มุ่งมั่นทำความดีเพื่อประเทศชาติและประชาชน โดยใช้พลังของตนที่มีอยู่อย่างเต็มความรู้ เต็มความสามารถ เต็มที่และเต็มใจ

ชื่อโครงการของเขาที่ว่า ก้าวคนละก้าว ช่างเป็นโครงการที่สื่อถึงความร่วมมือร่วมใจของคนทั้งชาติได้เป็นอย่างดี เมื่อทุกคนหันมามองตนเองก็พบว่า มีความพร้อมที่จะช่วยได้ทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์และช่วยชาติได้ตามกำลังสติปัญญา

เขากลายเป็นแรงบันดาลใจ ให้แก่คนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ร่วมมือกันแก้ปัญหาชาติที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าโดยมิต้องรอท่าการแก้ปัญหาจากภาครัฐ

เส้นทาง 2,191 กิโลเมตรที่เขาวิ่งผ่านไปตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงจุดสุดท้าย จะกลายเป็นสะพานเชื่อมใจ ที่เสริมด้วยใยรัก ให้คนไทยทั้งชาติได้ตื่นขึ้นมารักและก้าวเดินไปด้วยกันเพื่อสร้างประเทศชาติไทยอันเป็นที่รักของเราให้สงบเย็นมั่นคงมั่งคั่งสืบไป
   
แม้การเสียสละของเขา จะมีคนจำพวกหนึ่ง ที่เคยแต่คิดพึ่งพาภาษีอากรของราษฎรและงบประมาณจากรัฐบาล จะวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งรัฐบาล ทั้งระบบสาธารณสุข ระบบภาษี การฉ้อราษฎร์บังหลวงในกระทรวงสาธารณสุข แต่เสียงเหล่านี้ได้ยินเพียงแผ่วเบา ไม่มีผลกระทบต่อความฝันอันยิ่งใหญ่ของชายหนุ่มผู้มีใจแกร่งดังเพชร และประชาชนผู้มีจิตอาสาที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่และเต็มใจทั้งปวงได้เลย กลไกแห่งความเสียสละได้เริ่มต้นและเดินเครื่องไปไกลแล้ว ไกลจนเสียงใดๆไม่สามารถจะขัดขวางทัดทานได้ นี่กระมังที่กล่าวกันว่า เสียงประชาชนคือ เสียงสวรรค์ เมื่อประชาชนออกกำลังกาย ออกกำลังทรัพย์ ออกเสียงด้วยใจเสียสละ เสียงก้าวเท้าของประชาชนคนดีเหล่านี้ คือ เสียงสวรรค์อย่างแท้จริง

การที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในบรรยากาศเช่นนี้ ก็ขอให้ฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แสวงหาข้อมูลต่างๆที่แท้จริง เพื่อปรับปรุงกระทรวงสาธารณสุข ให้เป็นกระทรวงที่นำสุขมาสู่สาธารณะได้จริงสมกับชื่อกระทรวงสาธารณสุข ก็นับว่า เป็นมหากุศลอย่างยิ่งเหมือนกัน การวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยจิตบริสุทธิ์ด้วยสติปัญญาและข้อมูลที่ถูกต้อง ย่อมเป็นการชี้ขุมทรัพย์อย่างแท้จริง

การออกมาวิ่งของตูนครั้งนี้นอกจากปลุกให้คนดีมีความรักประเทศชาติและประชาชนจะ ตื่นตัวมาช่วยกันแล้ว ยังเป็นการปลุกข้าราชการทั้งประจำและการเมืองกระทรวงสาธารณสุขให้ตื่นขึ้นมาตรวจสอบตัวเองว่า อะไร คือสาเหตุสำคัญที่กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้ากระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นศูนย์รวมของคนสมองดีมีการศึกษาสูงให้เป็นกระทรวงสาธารณะทุกข์ได้ถึงเพียงนี้

แม้คุณแม่รู้ดีคุณพ่อรู้ดีจะมาประสานเสียงทักท้วงว่า การวิ่งรับเงินบริจาคครั้งนี้ของตูนจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในกระทรวงสาธารณสุขให้ดีขึ้นได้ แต่ถ้ามองโดยความเป็นธรรมเงินเจ็ดร้อยล้านบาทต้องมีประโยชน์มหาศาลแก่ผู้ป่วยมากกว่าเดิมเป็นแน่แท้ เพราะตอนนี้ขนาดไม่มีเงินก้อนนี้สนับสนุนแพทย์และพยาบาลผู้ปฏิบัติหน้าที่ตามโรงพยาบาลต่างๆก็ยังช่วยเพื่อนมนุษย์ได้มากถึงเพียงนี้ ถ้าได้เงินไปช่วยอีกโรงพยาบาล 60 กว่าล้าน การบริการต้องดีกว่าเดิมแน่นอน

เพราะตูนมั่นใจว่าเงินจำนวนนี้ช่วยผู้ป่วยได้ เขาจึงลงแรงช่วย เรียกว่า เริ่มต้นด้วยศรัทธามาก่อน ศรัทธาเป็นประตูสู่คุณธรรมและความสำเร็จทั้งปวง ตามหลักพลธรรมที่ว่า เมื่อมีศรัทธา ต้องมีความเพียร เมื่อมีความเพียรต้องมีสติไตร่ตรองถ้วนถี่ เมื่อไตร่ตรองดีแล้วทำด้วยใจมั่นคงภายใต้การกำกับดูแลของปัญญาว่าถูกต้องดีงาม ตูนมีพลังใจในพละธรรมอย่างยิ่ง จึงวิ่งเดินหน้าไปสู่เส้นชัยอย่างไม่หวั่นไหว เข้มแข็งและกล้าแกร่งยิ่ง
   
ยอดเงินบริจาคเลย 184 ล้านบาทไปแล้ว เป้าหมาย 700 ล้านบาทยังอยู่อีกไม่ไกล เกินฝัน
   
เมื่อตูนวิ่งสู่เป้าหมายครบ 2,191 กิโลเมตร ได้รับบริจาคถึง 700 ล้านบาทแล้ว คงจะสรุปง่ายๆไม่ได้เลยว่า ผลจากการวิ่งของเขามีเพียงแค่นี้ แต่คุณค่าที่ตีราคามิได้ตลอดเส้นทางวิ่ง ที่เราได้พบเห็นตามข่าวมีมากมายเช่น  ความสามัคคีของคนที่เกิดขึ้นตามเส้นทางที่ผ่านมามีค่ามากมายไม่มีใครสร้างได้ด้วยเงิน หมื่นล้าน กระทรวงสาธารณสุขเป็นกระทรวงแดนสนธยามานานจะจ่ายเงินประชาสัมพันธ์สักพันล้านก็ไม่มีใครสนใจใยดี แต่วันนี้กระทรวงสาธารณสุขได้รับการจับตามองจากทุกภาคส่วนเสียงสะท้อนปัญหากระทรวงสาธารณสุข เข้าหูนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แบบเต็มๆ หากท่านเหล่านั้นหน้าไม่หนาจนคอนกรีตเรียกพี่ ต้องลงมาเหลียวแลและแก้ปัญหาบ้างไม่มากก็น้อยจะนั่งเฉยๆต่อไปไม่ได้ แค่นี้ก็คุ้มเกินคุ้ม การออกวิ่งของตูนครั้งเดียวส่งเสียงไปยังกระทรวงสาธารณสุขอย่างทรงพลังยิ่งกว่าสภานิติบัญญัติหรือสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรชุดไหนๆทั้งที่มาจากการแต่งตั้งและเลือกตั้งรวมกัน แต่ยังเงียบเหงาเสียอีก
   
ท่านผู้รู้ ที่ยังไม่ตื่น และไม่เบิกบานทั้งหลายจะวิพากษ์วิจารณ์ คัดค้าน เยอะเย้ยถากถาง สบประมาทตูนกันอย่างไร คงไม่มีใครจะห้ามปรามได้เพราะแต่ละท่านล้วนมีปัญญาและมีอัตตาที่จะแสดงออกอย่างไม่ต้องเกรงกลัวใคร แต่อาตมาขอพูดกับตูนแบบเพื่อนร่วมชาติที่ชื่นชมการสร้างมหากุศลครั้งนี้ของเขาด้วยคำง่ายๆสั้นๆว่า นายแน่มากนะ ตูน

เจริญพร

วันที่ 11 พฤศจิกายน 60 เวลา 18.40 น.

ศูนย์ภาวนาสติ สมาธิ ปัญญา
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สาขาเมืองไนล์ รัฐมิชิแกน