ดูโลก ดูธรรม และดูใจ
โดย ดร.พระมหาจรรยา สุทธิญาโณ เจ้าอาวาสวัดพุทธปัญญา
ต้นแบบท่านผู้คิดเชิงบวก








ความคิดเชิงบวก เป็นแนวคิดอย่างหนึ่ง เมื่อกล่าวถึงแล้วคนทั่วโลกเข้าใจกัน ถึงกับมีภาษาอังกฤษออกมาตรงๆว่า Positive thinking หลวงพ่อพุทธทาสแห่งสวนโมกขพลารามได้ประพันธ์บทกลอนเกี่ยวกับความคิดเชิงบวกนี้นานแล้ว หลายท่านคงได้ยินผ่านหูได้อ่านผ่านตามาบ้างว่า


เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์แก่โลกบ้างยังน่าดู แต่ความชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียว อย่าไปเที่ยวแสวงหาสหายเอ๋ย
เหมือนคนหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง

วันนี้จะได้นำเรื่องของพระอรหันต์รูปหนึ่ง ชื่อว่า พระปุณณะ มาเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อกราบทูลลาไปภาวนาในชนบทแห่งหนึ่งชื่อว่า สุนาปรันตะ มีข่าวเป็นที่เลื่องลือกันมาก่อนหน้านั้นว่า คนในหมู่บ้านนั้น ดื้อ ดุร้าย คล้ายๆเป็นอันธพาลทั้งหมู่บ้านใครได้ยินแล้วหวาดกลัวไม่อยากเดินผ่านด้วยซ้ำไป

แต่เมื่อ พระปุณณะ ตั้งใจจะไปปฏิบัติภาวนาที่นั่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงต้องตรัสถามก่อนว่า

“ดูกรปุณณะ มนุษย์ชาวสุนาปรันตะชนบท ดุร้าย หยาบช้านัก ถ้าพวกเขาด่า บริภาษเธอ เธอจักคิดอย่างไรในมนุษย์พวกนั้น”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“ข้าพระองค์จักมีความคิดในพวกเขาอย่างนี้ว่า ยังดีหนักหนาที่ มนุษย์ชาวสุนาปรันตชนบทนี้ ไม่ตบตีเอาด้วยฝ่ามือ”

ตรงนี้ท่านมองว่า ถูกด่าดีกว่า ถูกตบ หรือ ทุบตีด้วยมือ

พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อไปว่า

“ถ้าเขาตบตีเธอด้วยฝ่ามือละจะคิดอย่างไรต่อ”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“ข้าพระองค์คิดว่า  ยังดีนักหนา ที่เขาไม่ขว้างปาด้วยก้อนดิน”

พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อว่า

“ถ้าเขาขว้างปาด้วยก้อนดินละ จะคิดอย่างไร”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“ข้าพระองค์คิดว่า ยังดีนักหนา ที่เขาไม่ทุบตีด้วยท่อนไม้”

พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อไปว่า

“ถ้าพวกเขาทุบตีด้วยท่อนไม้ละจะทำอย่างไร”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“ยังดีนักหนาที่เขาทุบตีด้วยท่อนไม้ ไม่ฟันด้วยศาสตราอันคม”

พระพุทธเจ้าตรัสถามต่อไปว่า

“ถ้าพวกเขาฟันด้วยศาสตราอันคมละ เธอจะคิดอย่างไรต่อ”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“ยังดีนักหนาที่พวกเขาไม่ปลิดชีพด้วยศาสตรา”

พระพุทธเจ้าตรัสถามว่า

“ถ้าพวกเขาปลิดชีพด้วยศาสตราละเธอจะคิดอย่างไร”

พระปุณณะกราบทูลว่า

“บางคนที่อึดอัดเกลียดชังเบื่อหน่ายร่างกายมีอยู่ พากันแสวงหาศาสตรามาปลิดชีพ แต่เราดีนักหนาไม่ต้อแสวงหาศาสตราปลิดชีพ ก็ได้ศาสตรามาปลิดชีพแล้ว ข้าพระองค์คิดอย่างนี้พระพุทธเจ้าข้า”

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

“เธอมีความข่มใจและสงบใจเช่นนี้ จะอยู่ในสุนาปรันตชนบทได้ บัดนี้เธอออกเดินทางได้แล้ว”

พระปุณณะกราบทูลพระผู้มีพระภาค ไปสู่สุนาปรันตชนบทด้วยบทภาวนาธรรมที่รับจากพระพุทธเจ้าตั้งแต่เริ่มมาเข้าเฝ้าว่า

...รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะและธรรมารมณ์ ที่รับรู้ได้ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ประกอบด้วยกาม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัดอยู่แล ถ้าภิกษุเพลิดเพลินพูดถึง ดำรงอยู่ด้วยความติดใจรูปนั้น นันทิย่อมเกิดขึ้นแก่เธอผู้เพลิดเพลิน พูดถึง ดำรงอยู่ ด้วยความติดใจในรูป เสียง กลิ่นรส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ นั้น เพราะเหตุว่า นันทิเกิด ทุกข์จึงเกิด

ถ้าภิกษุ ไม่เพลิดเพลิน ไม่พูดถึง ไม่ดำรงอยู่ด้วยความติดใจใน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และ ธรรมารมณ์นั้น นันทิของเธอย่อมดับไป เพราะนันทิดับ เราจึงกล่าวว่า ทุกข์ดับนะ ปุณณะ...

นี้คือ บทภาวนาธรรมของพระปุณณะที่รับจากพระพุทธเจ้าโดยตรง เป็นบทธรรมที่ป้องกัน นันทิ คือ ความเพลิน อย่างละเอียด แล้วสุดท้ายทรงชี้จุดที่ต้องระวังคือ ความเพลิน หรือ นันทิ ว่า เป็นเหตุทุกข์ นันทิหมดไป ก็หมดทุกข์

เมื่อพระปุณณะ ถวายบังคมลาพระพุทธเจ้า ด้วยการพกบรมธรรมป้องกันทุกข์ไปด้วย จิตใจของท่านแข็งแกร่งยิ่งนัก

สิ่งที่ท่านปฏิบัติ เป็นสายกลางพอดี คือ ระวังใจมิให้เพลินในสิ่งน่าเพลิดเพลิน ระวังใจมิให้ชังในสิ่งที่น่าชัง ท่านมีพื้นฐานจิตมองโลกในแง่ดีเป็นภูมิคุ้มกันจิตอย่างดีที่จะป้องกันความชังมิให้ไหลเข้าสู่ใจ เมื่อได้พระบรมธรรมที่ป้องกันความชอบมิให้ไหลเข้าสู่ใจ จิตท่านเข้าถึงจุดสมดุลเหนือชอบเหนือชังเหนือสุขเหนือทุกข์

พระพุทธเจ้าทรงเป็นพระบรมครูอย่างแท้จริง พระองค์ทรงทราบว่า ควรพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่อย่างดี และทรงเพิ่มสิ่งที่จะเติมเต็มซึ่งกันและกันจนเข้าถึงความพอดี

พระจุณทะเดินทางถึงชนบทสุนาปรันตะแสดงธรรมโปรดชาวบ้านที่นั่น จนมีความเลื่อมใสแสดงตนเป็นอุบาสก 500 คน เป็นอุบาสิกา 500 คน ท่านเองก็บรรลุพระอรหันต์ภายในพรรษานั้น ท่านเป็นต้นแบบแห่งพระธรรมทูตผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยมสงบแต่กล้าหาญอย่างยิ่ง แม้จะทำประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างยอดเยี่ยม แต่ก็ไม่ละทิ้งการพัฒนาตนเองจนกระทำที่สุดแห่งทุกข์ให้แจ้ง เป็นต้นแบบแห่งผู้ปฏิบัติธรรมในข้อที่ว่า เป็นผู้ไม่ประมาทยังประโยชน์ตนและผู้อื่นให้ถึงพร้อมอย่างแท้จริง

ต่อมาไม่นานท่านเข้าสู่ปรินิพพาน เรื่องการปรินิพพานนี้ถ้าใครมิใช่พระอรหันต์ด้วยกันจะไม่ทราบ เมื่อข่าวการมรณภาพของท่านปุณณะมาถึงพระพุทธเจ้า ภิกษุทั้งหลายถามว่า “คติเบื้องหน้าของพระปุณณะเป็นอย่างไร”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบอย่างน่าประทับใจว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุณณกุลบุตร เป็นบันฑิต ได้บรรลุธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว ทั้งไม่ให้เราลำบากเพราะเหตุแห่งธรรม ดูกรภิกษุทั้งหลาย ปุณณกุลบุตรปรินิพพานแล้ว”

พระดำรัสนี้สัมผัสได้ถึงพระกรุณาที่ทรงมีแก่ผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหลาย สมัยพุทธกาลจะไม่มีพระภิกษุรูปใดนำมรรคผลไปหลอกชาวบ้าน เพราะท่านเปี่ยมด้วยหิริโอตตัปปะประกอบกับพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ หากใครสงสัยว่า ใครเข้าถึงมรรคผลหรือไม่ หลังจากทำกาลกิริยาแล้วมีคติเป็นอย่างไร กราบทูลถามพระองค์ได้ เมื่อรับคำตอบก็สิ้นสงสัย ปัจจุบันนี้ไม่มีพระองค์คอยแก้ปัญหานี้แล้ว ควรจะยึดหลักธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ดีแล้วเป็นเครื่องพิจารณาพอจะรักษาตนให้พ้นจากภัยแห่งการต้มตุ๋นได้

การมองโลกในแง่ดี ตามแบบพระอรหันต์ต้องมีสติปัญญาที่คมเข้มกำกับในทุกขั้นตอน จึงจะก้าวสู่ความเหนือชอบ เหนือชัง เป็นอิสระจากความเพลินจึงพ้นทุกข์สิ้นเชิง

ความคิดบวกของคนธรรมดาทั่วไป ก็ต้องใช้สติปัญญาให้รอบคอบ พิจารณารอบด้านตามรอยพระอรหันต์เข้าไว้ก็จะปลอดภัยทุกข์ประการ ต้องระลึกถึงพุทธธรรมบทหนึ่งเสมอว่า “สติ สัพพัตถะ ปัตถิยา แปลว่า สติจำปรารถนาในที่ทั้งปวง”

ขอความสุขความสงบเย็นเป็นประโยชน์ทั้งตนและผู้อื่นจงบังเกิดมีแก่ท่านสาธุชนทุกท่านสืบไป

วันที่ 18 กันยายน 2560 เวลา 6.40 น.
วัดพุทธปัญญา เมืองโพโมน่า รัฐแคลิฟอร์เนีย


 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
12-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 50 สุดทางสายบาลี (0/2830) 
06-07-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 49 ฝึกฝนตนที่วัดชลประทานรังสฤษฎ์ (0/656) 
28-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 48 สอบได้แต่แม่เสีย (0/622) 
20-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 47 สอบเปรียญธรรม 7 ประโยคได้ (0/689) 
07-06-2022 บันทึกไว้สมัยเรียนบาลี : ตอนที่ 46 กราบหลวงพ่อปัญญานันทะ (0/676) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
599
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข