เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกับมติชน ถึงความคืบหน้าคดีหลบเลี่ยงภาษีลักลอบนำเข้ารถยนต์หรูว่า เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ผ่านมาดีเอสไอได้พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร์ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ร่วมกันตรวจสภาพเก็บข้อมูลจากรถยนต์หรูลัมโบร์กีนี จำนวนหลายคน ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีผู้ครอบครอง นำมารับการบริการจากทางบริษัทนิชคาร์ ที่ดีเอสไอเข้าตรวจค้นและอายัดไว้เมื่อวันที่18 พ.ค. โดยรถยนต์ดังกล่าวอยู่ในจำนวน160 คัน ที่ดีเอสไอได้อายัดไว้ตรวจสอบ เมื่อรถยนต์คันใดมีผู้มาแสดงตนนำเอกสารการครอบครอง การซื้อขายมาให้ดีเอสไอตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอกับเจ้าหน้านิติวิทยาศาสตร์ จะตรวจสอบรถยนต์เก็บข้อมูลตัวเลขเครื่องยนต์ ตัวถัง และช่ือผู้ครอบครอง จากนั้นให้นำรถยนต์กลับไปดูแลที่บ้านพักได้ แต่เมื่อดีเอสไอเรียกตรวจอีกครั้งผู้ครอบครองจะต้องนำมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ไม่ใช่การถอนอายัด เพราะรถคันดังกล่าวยังถูกอายัดไม่สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ส่วนรถยนต์ที่อยู่ในโชว์รูมดีเอสไอก็ได้ทยอยเก็บหลักฐานตรวจสภาพ
พ.ต.อ.ไพสิฐ ยังกล่าอีกว่า ดีเอสไอได้ส่งบัญชีรายชื่อพร้อมรายละเอียดรถยนต์ประมาณ 30 คัน ไปยังอธิบดีกรมศุลกากรแล้ว และมีการประสานว่าได้เร่งดำเนินการตรวจสอบภาษีขาด ในรถยนต์กลุ่มดังกล่าวเบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลา2 สัปดาห์ ในการส่งข้อมูลกลับมายังดีเอสไอบางส่วน
“ตอนนี้ดีเอสไอกับกรมศุลกากรได้ร่วมมือทำงานในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ และเพื่อความชัดเจนในส่วนของบริษัทนำเข้า ประชาชนจะได้รู้ว่าบริษัทไหนทำถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ประชนผุ้บริโภคจะได้สบายใจในการเลือกซื้อ หรือใช้บริการบริษัทที่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งทางกรมศุลกากรจะเป็นผู้ดำเนินการ ดีเอสไอทำหน้าที่ประสานข้อมูลราคาแท้จริงให้ทางศุลกากรรับทราบ”พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว