การสุ่มเรียกหยุดรถยนต์ของประชาชนที่เห็นว่ามีเชื้อสายลาติโน่ โดยกลุ่มเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร (ไอซ์) ซึ่งปิดหน้าตาและไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัว ได้ลุกลามเป็นเหตุพยายามฆ่า และทำให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างไอซ์ กับประชาชน รวมถึงเจ้าหน้าที่เชอรีฟของซานเบิร์นนาดิโน่ เคาน์ตี้ นานเกือบเจ็ดชั่วโมง 

เหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้อพยพในลอส แอนเจลิส ในห้วงเวลานี้ เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 08.40 น. ของวันที่ 16 สิงหาคม โดยเหยื่อกับลูกชายสองคน วัย 18 ปีและ 14 ปี ถูกกลุ่มเจ้าหน้าที่ไอซ์ ที่ปิดหน้ามิดชิดเรียกหยุดที่ริมถนนอะคาเซียและถนนเบสไลน์ ในเมืองซานเบิร์นนาดิโน่ มีการสั่งให้เปิดกระจก โดยไม่มีการแสดงหมายจับ อีกทั้งไม่ยอมแสดงบัตรประจำตัว ตามที่เหยื่อเรียกร้องด้วย

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกลูกชายทั้งสองคน ที่นั่งอยู่ด้านข้างและเบาะหลัง ถ่ายเป็นคลิปวิดีโอเอาไว้ เห็นภาพเหยื่อปฏิเสธที่จะเปิดกระจกรถ และขอดูบัตรประจำตัวแบบซ้ำๆ เป็นเหตุให้ไอซ์ ทุบกระจกรถทั้งสองด้าน ทำให้เหยื่อ ซึ่งยังไม่ได้ดับเครื่องยนต์ตัดสินใจเหยียบคันเร่งเพื่อหลบหนีจากสถานการณ์อันตราย

เหตุนี้ ทำให้เจ้าหน้าที่ไอซ์ ได้กระหน่ำยิงใส่รถของพวกเขาอย่างน้อยสามนัด โดยกระสุนโดนที่ประตูรถด้านขวา ซึ่งมีลูกชายวัย “ผู้เยาว์” นั่งอยู่ แต่โชคดีที่กระสุนไม่ทะลุเข้าไปในรถ

สำนักงานเชอรีฟของซานเบิร์นนาดิโน่ เคาน์ตี้ แถลงว่า ได้รับแจ้งเหตุยิงกันเมื่อเวลา 8.51 น. และเมื่อเจ้าหน้าที่เชอรีฟไปถึงก็พบกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ไอซ์ ที่บอกว่าเป็นผู้ยิงปืนใส่ผู้ต้องหา ที่ได้หลบหนีไปแล้ว

โดยระหว่างขับรถหนีตายนั้น เหยื่อกระสุนของไอซ์ ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุกับ 911 โดยบอกว่า ถูกกลุ่มชายใส่หน้ากาก ทุบกระจกรถ และยิงใส่เขา จึงแจ้งมาเพื่อ “ขอความคุ้มครอง” จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งต่อมา เจ้าหน้าที่เชอรีฟของซานเบิร์นฯ ได้เดินทางไปที่บ้านของเหยื่อ บนถนนเมาเท่นวิว ไดร์ฟ แต่ไม่สามารถดำเนินการใดๆ เพราะเกรงจะเป็นการผิดกฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย (CA Values Act) ซึ่งห้ามไม่ให้ผู้รักษากฎหมายท้องถิ่นมีส่วนเกี่ยวข้องในการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองของรัฐบาลกลาง และว่าทางสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) จะเป็นผู้ดูแลเรื่องนี้

กระทั่งเวลาประมาณ 11.00 น. เจ้าหน้าที่ไอซ์ จำนวนมากได้เดินทางมาถึงบ้านของเหยื่อ ซึ่งหลบอยู่ในบ้านด้วยความหวาดกลัว โดยในระหว่างนั้น กลุ่มประชาชนภายใต้การนำของ Inland Coalition for Immigrant Justice หรือ ICIJ ซึ่งเป็นองค์กรร่วมของเอ็นจีโอด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชน ฯลฯ ประมาณ 35 องค์กรในแคลิฟอร์เนียใต้ ได้นำมวลชนมาชุมนุมที่บ้านหลังดังกล่าว เพื่อต่อต้านพฤติกรรมของไอซ์ จนสถานการณ์เริ่มตึงเครียด 

ตัวแทนของ ICIJ ยืนยันว่าชายที่ถูกไอซ์กระหน่ำยิง ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม และตกเป็นเป้าหมายโดยไม่มีเหตุผลทางกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น

ข่าวบอกว่าเผชิญหน้าระหว่างไอซ์ กับประชาชนที่มาคุ้มครองเหยื่อกระสุน เริ่มดุเดือดมากขึ้นเมื่อเวลา 13.12 น. ถึงขั้นมีการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับประชาชนด้วย เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เชอรีฟของซานเบิร์นนาดิโน่ เคาน์ตี้ ต้องกลับมาที่บ้านเหยื่อกระสุนอีกครั้ง เพื่อดูแลสถานการณ์ 

โดยไอซ์ ยืนยันกับเจ้าหน้าที่เชอรีฟฯ ว่าชายคนดังกล่าว เป็นผู้ต้องหาในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง โดยการขับรถชน รวมถึงขัดขืนการจับกุมและใช้กำลังกับเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางด้วย

อย่างไรก็ตาม จากคลิปวิดีโอที่ลูกของเหยื่อได้นำออกเผยแพร่นั้น เห็นชัดว่าพ่อของเขาขับรถหนีไอซ์ ที่ทุบกระจกรถโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ไอซ์ อยู่บริเวณด้านหน้ารถแต่อย่างใด

“มาร์ติน” ลูกชายวัย 18 ของเหยื่อให้สัมภาษณ์ เอบีซี 7 ในเวลาต่อมาว่าเขาและน้องออกไปช่วยงานพ่อ ขณะที่ถูกรถยนต์ที่ไม่มีตราสัญลักษณ์จอดขวางหน้า และกลุ่มคนในชุดปิดหน้า ถืออาวุธปืน สั่งให้เปิดกระจกและประตูรถ เมื่อพ่อไม่ทำตามและขอดูบัตรประจำตัวของกลุ่มคนดังกล่าว พวกเขาก็ทุบกระจกรถทั้งสองด้านทันที ทำให้พ่อตัดสินใจขับรถหนี และถูกเจ้าหน้าที่ยิงใส่สามนัด

“กระสุนโดนที่ประตูรถ แต่เขาเล็งใส่น้องชายของผม ซึ่งนั่งที่เบาะผู้โดยสารด้านหน้า” มาร์ตินเล่า 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ไอซ์ ซึ่งมาร์ตินบอกว่าเป็นคนยิงปืนใส่ครอบครัวเขานั้น บอกระหว่างพยายามเข้าบ้านเขาในเวลาต่อมาว่า “เสียงปืนสามนัด” ที่ได้ยินนั้น เป็นเสียงเขาเคาะกระจกรถเท่านั้น

“แต่เรามีรูกระสุนในรถของเราตอนนี้” มาร์ตินกล่าว

ในที่สุด การเผชิญหน้าระหว่างไอซ์กับมวลชนได้ยุติลง โดยไอซ์ยอมถอยกลับไปในเวลาประมาณ 15:45 น. โดยไม่ได้ควบคุมตัวเหยื่อกระสุนของตัวเองไปด้วย

เกี่ยวกับเหตุรุนแรงครั้งนี้ โฆษกของกระทรวงความมั่นคงภายใน แถลงยืนยันในเวลาต่อมาว่า เจ้าหน้าที่ไอซ์ สองนายได้รับบาดเจ็บขณะ “เผชิญหน้า” กับผู้ต้องหาที่ไม่ยอมออกจากรถและขับรถพุ่งชนเจ้าหน้าที่ จึงเป็นการบังคับให้เจ้าหน้าที่ไอซ์ ต้องยิงปืนใส่เพื่อป้องกันตัว” 

แถลงของโฆษกกระทรวงความมั่นคงฯ ได้ตำหนิเจ้าหน้าที่เชอรีฟของซานเบิร์นนาดิโน่ด้วย โดยบอกว่าปล่อยตัวผู้ต้องหาร้ายแรงคนนี้ หลังจากเข้าไปสอบปากคำในบ้าน 

“ซึ่งการตัดสินใจ (ของเจ้าหน้าที่เชอรีฟ) ดังกล่าวมีขึ้นแม้ว่าผู้ต้องหาจะไม่ให้ความร่วมมือ อีกทั้งทำร้ายเจ้าหน้าที่บาดเจ็บถึงสองรายก็ตาม นี่คืออีกเหตุการณ์หนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนนโยบาย “เมืองหลบภัย” ของเมืองในแคลิฟอร์เนีย”

ICIJ ระบุว่ากำลังระดมสรรพกำลังเพื่อให้การสนับสนุนและคุ้มครองทางกฎหมายแก่ครอบครัวของเหยื่อที่ถูกกระทำเกินกว่าเหตุ  รวมถึงเตรียมฟ้องร้องเรียกหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลกลางด้วย.