เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2025 กระทรวงยุติธรรม ได้ยื่นฟ้องร้องนายกเทศมนตรี และสภาเมืองลอส แอนเจลิส ต่อศาลแขวงสหรัฐฯ (แคลิฟอร์เนียตอนกลาง) โดยคำฟ้องระบุว่านโยบายเมืองหลบภัย หรือ Sanctuary policy มีเจตนาแทรกแซงการทำงานของรัฐบาลกลาง อีกทั้งทำให้เกิดการแบ่งแยก (discriminate) กับเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางที่กำลังบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางด้วย

“ผลที่เกิดจากการที่ลอส แอนเจลิส ปฏิเสธความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่น ของรัฐบาลกลางคือ ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2025 เป็นต้นมา บ้านเรืองเหมือนไร้กฎหมาย การจลาจล การปล้นสะดม และการก่ออาชญากรรม สถานการณ์เลวร้ายลงจนรัฐบาลกลางต้องส่งกองกำลังป้องกันชาติของแคลิฟอร์เนียและหน่วยนาวิกโยธินสหรัฐฯ เข้ามาระงับความวุ่นวาย” คำฟ้องระบุ

ทั้งนี้ เทศบาลเมืองแอลเอ ผ่านเทศบัญญัติคุ้มครองผู้อพยพฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 หลังทราบผลการเลือกตั้งใหญ่ โดยสาระสำคัญของเทศบัญญัติฉบับนี้ คือการห้ามมิให้ใช้ทรัพยากรของเมือง รวมถึงทรัพย์สินและบุคลากรในการบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นของรัฐบาลกลาง หรือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อิมมิเกรชั่นของรัฐบาลกลาง 

“เทศบัญญัติฉบับนี้ ยังห้ามการแบ่งปันข้อมูลโดยตรงและโดยอ้อมกับหน่วยงานอิมมิเกรชั่นของรัฐบาลกลาง ซึ่งถือเป็นช่องโหว่สำคัญที่ต้องปิดในการคุ้มครองผู้อพยพในเมืองเรา” สาระของเทศบัญญัติ “เมืองหลบภัย” ระบุ

คำฟ้องของกระทรวงยุติธรรม ระบุว่าเทศบัญญัติฉบับดังกล่าว เข้าข่าย “ขัดต่อรัฐธรรมนูญ”

พาเมลา บอนดี อัยการสูงสุด กล่าวถึงการฟ้องร้องครั้งนี้ว่า นโยบายคุ้มครองผู้อพยพ เป็นสาเหตุหลักของความรุนแรง ความโกลาหล และการทำร้ายผู้รักษากฎหมาย ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวอเมริกันได้เห็นในลอส แอนเจลิส เมื่อไม่นานนี้

“เขตปกครองท้องถิ่นอย่าง ลอส แอนเจลิส ที่ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง โดยให้ความสำคัญกับคนต่างด้าวที่เข้าเมืองผิดกฎหมายมากกว่าพลเมืองอเมริกัน กำลังบ่อนทำลายการบังคับใช้กฎหมายในทุกระดับ และมันจะต้องจบลงภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์” อัยการสูงสุดระบุ.