ข่าวคนไทยในอเมริกา
บทความ : โลกาภิวัตน์ สู่ โลกาวินาศ ในแคลิฟอร์เนีย?

".... ประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐมนตรีว่าการความมั่นคงให้สัมภาษณ์ว่า เพราะรัฐแคลิฟอร์เนียเป็น “Sanctuary State” รัฐที่ให้ความปลอดภัย (ลี้ภัย) คุ้มครองคนที่อยู่ผิดกฎหมาย ฉะนั้นหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองไม่มีทางเลือกนอกจากไปสุ่มจับได้ทุกที่ จึงเห็นวิ่งไล่กัน เหมือนไปจับบ่อนการพนันในบ้านเราเลย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ทางการทำได้ ..."


โดย : คิด ฉัตรประภาชัย นายกสมาคมไทยอเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้



โลกาภิวัตน์ (Globalization) การเชื่อมโยงของประชาคมโลก ไม่ว่าจะอยู่ ณ จุดใด สามารถรับรู้ สัมพันธ์ หรือ รับผลกระทบจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว กว้างขวาง

โลกาวินาศ (DoomsDay) สูญสิ้นความเจริญ สวัสดิมงคล ทางโหราศาสตร์ ห้ามประกอบการมงคลต่างๆ ในฤกษ์ยามนี้ หรือในบริบทนี้ หมายถึงภาวะวิฤตที่รุนแรงจนส่งผลต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม


สวัสดีพี่น้องชาวไทยที่รักและคิดถึง 

ไม่ได้เขียนบทความมาสักพักใหญ่ เนื่องจากเหตุผลและภารกิจหลายอย่าง ไหนจะต้องทำหน้าที่นายกสมาคมไทย-อเมริกันแห่งแคลิฟอร์เนียภาคใต้ (2025-2026) งานอาสาเป็น Reserve Deputy Sheriff  ซึ่งมีหน้าที่ และยังต้องไปเรียนอัพเดทวิชาตำรวจต่างๆ ตลอดเวลา พยายามจัดงานสัมมานาแนะนำอาชีพและการดูแลสุขภาพของชุมชนไทยให้มีความรู้ มีโอกาสและมีสุขภาพที่แข็งแรง และร่วมกับองค์กรต่างๆในการช่วยเหลือตอบคำถามต่างๆที่เกี่ยวกับคดีอาชญกรรม โดยเฉพาะการมีโจรขึ้นบ้านคนไทยบ่อยมากในระยะนี้ ได้ทรัพย์สินและเงินสดไปเป็นจำนวนมาก เหมือนกับโจรพวกนี้มันรู้ว่าคนไทยที่ชอบเก็บทอง เงินสดไว้ในบ้านอย่างนั้นแหละ แนะนำฝากธนาคาร เช่ากล่องเก็บ (Safe Deposit Box)

และในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่มีเรื่องไหนจะดังเท่ากับการกวาดล้างครั้งยิ่งใหญ่ของ I.C.E. (U.S. Immigration and Customs Enforcement) หน่วยงานปราบปรามจับกุมผู้อยู่ผิดกฎหมายในอเมริกา และการประท้วงของประชาชนและพวกโจรที่ฉวยโอกาสนี้เข้าทุบกระจกร้านต่างๆ ขโมยสินค้า พ่นสีตามฝาผนังตามสถานที่ของรัฐ หรือเอกชน ร้านค้าในดาวน์ทาวน์ ในลอสแอนเจลีส และเมืองอื่นๆ ตลอดจนการทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจากหน่วยงานต่างๆ จนนายกเทศมนตรีแอลเอ ต้องประกาศเคอร์ฟิวส์ในบริเวณ 1.5 ไมล์ ในดาวน์ทาวน์แอลเอ ตั้งแต่ (เวลา 8:00 PM - 6:00 AM) ของวันที่ 12 มิถุนายน และยกเลิกในวันที่ 17 มิถุนายน 

ทั้งหมดได้สร้างความหวาดกลัวให้กับคนต่างชาติ นักท่องเที่ยวโดยรวมที่ไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะ I.C.E. มีการเข้าตรวจจับในสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน สวนไร่ผลไม้ ตลอดจนซูเปอร์มาร์เก็ต,  Home Depot และเขตอื่นๆ เช่น Fashion District, LA Santee Street ทำให้เศรษฐกิจร่วงลงอย่างรุนแรง เป็นโลกาวินาศไปเลย 

ซึ่งการปฏิบัติการก็ไม่รู้ว่าจะยืดเยื้ออีกนานเท่าไหร่ ประธานาธิบดีทรัมป์และรัฐมนตรีว่าการความมั่นคงให้สัมภาษณ์ว่า เพราะรัฐแคลิฟอร์เนียเป็น “Sanctuary State” รัฐที่ให้ความปลอดภัย (ลี้ภัย) คุ้มครองคนที่อยู่ผิดกฎหมาย ฉะนั้นหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองไม่มีทางเลือกนอกจากไปสุ่มจับได้ทุกที่ จึงเห็นวิ่งไล่กัน เหมือนไปจับบ่อนการพนันในบ้านเราเลย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่ทางการทำได้ 

หลายท่านถามมาว่าต้องทำตัวอย่างไรถ้าเราถูกจับ หรือสถานที่ทำงานถูกบุกค้น จึงขออนุญาต รวบรวมข้อมูลมาจากที่ต่างๆ มาให้ท่านได้พิจารณากันนะครับ

กรณีที่เราถูกตรวจ หรือถูกควบคุมตัวชั่วคราว กับ การถูกจับ (Arrest VS Detention) สองคำนี้เป็นภาษากฎหมาย มีความหมาย แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

Arrest (อะเรส) การจับกุม เมื่อคุณถูกจับกุม คือถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวคือจับกุมใส่กุญแจมือและไม่ให้ไปไหน เพราะเจ้าหน้าที่มีสาเหตุที่พอจะเชื่อได้ว่า (Probable Causes) ว่าคุณได้กระทำความผิดกฎหมายอาญาหรือกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองบางมาตรา และจะนำตัวไปที่คุก (Jail) เพื่อทำประวัติ (Booking) และะสัมภาษณ์คุณ แต่เจ้าหน้าที่ต้องอ่านสิทธิของคุณให้คุณฟัง และคุณยอมตอบคำถาม (Miranda Rights) เพื่อนำคุณไปขึ้นศาลแจ้งข้อกล่าวหา ในขณะถูกควบคุม ผู้ต้องหาจะได้โอกาส แจ้งให้เจ้าหน้าที่ว่าเราต้องการติดต่อสถานกงสุลฯ หรือโทรหาญาติพี่น้องได้ 3 ครั้ง

ข้อยกเว้นคือ : ถ้าคุณถูก I.C.E. จับ และถ้าคุณมีคำสั่งเนรเทศ (Final order of Removal) หรือคำสั่งสุดท้ายจากผู้พิพากษาศาลอิมมิเกรชั่น อันนี้ก็ไม่ต้องรอนาน I.C.E. จะจับคุณกลับประเทศโดยไม่ต้องไปศาลไหนเลย แต่ถ้ายังไม่มีคำสั่งที่ออกโดยผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่จะนำคุณไปกักตัว จนกว่าจะได้ขึ้นศาลของอิมมิเกรชั่น บางครั้งใช้เวลาเป็นเดือนๆ โดยไม่มีโอกาสขอประกันตัว และจะไม่มีโอกาสกลับเข้ามาอเมริกาอีกเลย

มีอีกหลายท่านที่อยากกลับบ้านเกิดเอง “Self-Deport” อันนี้ก็จะมีเวลาจัดการธุระต่างๆ เก็บข้าวของที่จะนำกลับบ้าน แจ้งญาติพี่น้องเพื่อนฝูงได้ และมีสิทธิ์กลับมาอเมริกาตามแต่ว่าเขาจะเสนอให้ห้ามเข้ากี่ปี 3 ปี หรือ 10 ปี เป็นต้น ซื้อตั๋วเครื่องบิน บินออกได้เลย

ซึ่งอันนี้มันต่างจากการถูกจับของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วไปที่จะต้องตั้งข้อหาพาไปศาลภายใน 48 ชั่วโมง มิฉะนั้นก็ต้องปล่อยตัวไป หรือออกใบสั่งให้ขึ้นศาลตามนัด ถ้าเป็นคดีลหุโทษ (Misdemeanor)

กรณีที่คุณถูกเรียกให้หยุดโดย I.C.E. หรือหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เช่น F.B.I, D.E.A, A.T.F, I.R.S (Special Agent) ซึ่งหน่วยงานเหล่านี้ เป็นตำรวจของรัฐบาลกลาง มีสิทธิ์เรียกตรวจสอบคุณได้

ข้อควรปฏิบัติในกรณีถูกเรียกตรวจสถานภาพ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางข้างต้น ในที่สาธารณะหรือตามถนน

1) อยู่ในความสงบ ไม่ต้องวิ่งหรือหนี เพราะเขาวิ่งเร็วกว่าเราแน่นอน

2) ถามเจ้าหน้าที่ว่า “Am I free to go” ฉันฟรีที่จะไปไหม

2.1 ถ้าเจ้าหน้าที่ตอบว่า “Yes” ก็รีบเดินไปทำธุรเหมือนเดิม

2.2 ถ้าเจ้าหน้าที่ตอบว่า “No” ไปไหนไม่ได้ You are being detained คุณอยู่ในความควบคุมชั่วคราว ยังไปไหนไม่ได้

คุณมีสิทธิ์ดังนี้

3) มีสิทธิ์ที่จะไม่พูด (Right to Remain Silent)

3.1 คุณไม่ต้องตอบในคำถามที่เกี่ยวกับสถานภาพทางอิมมิเกรชั่น เกิดที่ไหน หรือคุณเข้ามาประเทศนี้ได้อย่างไร

3.2 บอกเจ้าหน้าที่ว่า “I choose to remain silent”

4) ข้อนี้สำคัญ ห้ามโชว์บัตรปลอมต่างๆ ใบเขียว ใบโซเชียล ใบขับขี่ หรือเอกสารอื่นๆ ของทางราชาการ เพราะคุณอาจจะถูกดำเนินคดีในอีกหนึ่งกระทง

ถ้าเจ้าหน้าที่มาเคะประตูหน้าบ้าน หรือ อพาร์ทเม้นท์
 
อย่าพึ่งรีบเปิดประตู ดูผ่านรูประตู หรือกระจกหรือทางอื่นๆ ว่าเป็นเจ้าหน้าที่จริง ขอดู ไอดี ถามเจ้าหน้าที่ขอดูหมายศาล โดยให้สอดผ่านประตูให้เราดูก่อน

หมายค้น หมายจับ ต้องมีลายเซ็นชื่อของผู้พิพากษา
 
ถ้าไม่มีหมายค้น มาให้ดู คุณสามารถปฏิเสธได้โดยพูดว่า “I do not consent to a search”

อยู่ในความสงบ มีสติ และบอกกับเจ้าหน้าที่ว่า “I want to speak to a lawyer”

ในกรณีที่ถูกจับหรือถูกควบคุมตัว (Arrest taken into custody)

1.ขอพูดกับทนายความ ขอโทรศัพท์หาสถานกงสุลใหญ่ฯ  ขอคุยกับญาติพี่น้องได้ จำเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ดี ข้อสำคัญอย่าเซ็นหนังสืออะไรที่คุณไม่เข้าใจเด็ดขาด ขอล่ามได้

2.คุณมีสิทธิ์ขอขึ้นศาลอิมมิเกรชั่นกับผู้พิพากษา ผู้พิพากษาจะถามว่า คุณจะขอยกเว้นในการสู้ตามกระบวนการเนรเทศไหม ถ้าคุณต้องการกลับบ้านเกิดโดยเร็ว ก็สามารถบอกศาลว่าเราจะขอกลับเอง “Voluntary Departure” โดยไม่ต้องผ่านทนายได้

ในกรณีที่เจ้าหน้าที่ I.C.E. เข้ามาขอตรวจลูกจ้างของคุณ โดยขอตรวจ I-9 หรือบุกเข้ามาที่ทำธุรกิจของคุณ สิ่งที่ควรทำ

1.อยู่ในความสงบ และตั้งสติ ไม่ต้องหนี คือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วยความสุภาพ

2.ขอดูไอดีของเจ้าหน้าที่ เลขหมายประจำตัว (Badge No.) และต้นสังกัดหน่วยงานที่มาตรวจคุณ

2.1 ขอดูหมายค้น หมายขอตรวจเอกสาร (Audit) หรือ หมายจับ (Copy of warrant or subpoena)

3.ตรวจสอบหมายว่าตรวจเอกสาร (I-9 Audit) หรือเปล่า โดยปกติถ้าเจ้าหน้าที่มาขอตรวจ I-9 ส่วนใหญ่จะให้เวลาคุณ 3 วัน ในการหาหลักฐานมาโชว์

3.1 หรืออาจเป็นหมายค้น (RAID) ต้องมีลายเซ็นจากผู้พิพากษา และระบุและเจาะจงว่าจะค้นที่ไหน ค้นหาอะไร คุณก็ต้องตามดูว่า เจ้าหน้าที่ทำตามคำสั่งตามหมายนั้นไหมด้วย

ในกรณีที่ไม่มีหมายค้น (Judicial Warrant) คุณไม่จำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในสถานที่ไม่ใช่เป็นที่สาธารณะ (Non-Public Area)

4)ติดต่อทนายความทันที บอกเจ้าหน้าที่ให้รอทนายความ หรือ CPA มาก่อนที่คุณจะมอบเอกสารให้กับเจ้าหน้าที่

5) คุณไม่ควรอนุญาตให้เข้าค้นในที่ต่างๆ ที่ไม่ได้ระบุตามหมาย เพราะหมายค้นจะระบุเจาะจงว่าจะให้ค้นที่ไหน และค้นหาอะไร

6) อย่าทำลายหลักฐานหรือเอกสารต่างๆ ในธุรกิจของคุณ

7) ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่มาสุ่มถามพนักงานไปเรื่อยๆ พนักงานสามารถที่จะไม่พูดอะไร แต่เราก็ห้ามให้พนักงานโกหกกับเจ้าหน้าที่ หรือหนี

8) รักษาหลักฐาน Copy เอกสารที่ I.C.E. เอาไปหรือมอบให้เรา ห้ามทำลาย เพื่อใช้อ้างอิงในอนาคต

เบอร์โทรศัพท์ ตามหาคนที่ถูกจับของ I.C.E. 888-351-4024







 




นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส
19-06-2025 บทความ : โลกาภิวัตน์ สู่ โลกาวินาศ ในแคลิฟอร์เนีย? (0/122) 
19-06-2025 “แชนซี่” แนะนำโรบินฮูดไทยระวังตัว และใส่รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด (0/234) 
18-06-2025 เริ่มออก “วีซ่านักเรียน” อีกครั้ง แต่ต้องให้ตรวจโซเชียลฯ (0/66) 
17-06-2025 เร็วเหมือนเปลี่ยนผ้านุ่ง “ทรัมป์” สั่งไอซ์บุกฟาร์ม-ร้านอาหารต่อ (0/92) 
17-06-2025 แคลิฟอร์เนียดันกฎหมาย ห้ามไอซ์ “ปิดหน้า” ขณะทำงาน (0/63) 

แสดงความคิดเห็น

Name :

Detail :




ฉบับที่
631
siamtownus newspaper








Hots Clip VDO ดูทั้งหมด

ขออภัยสัญญาณ VDO มีปัญหากำลังดำเนินการแก้ไข