ในช่วงเช้าของวันที่ 19 มิถุนายน 2025 ไอซ์ หรือเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชั่นและศุลกากร ได้ออกปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้อยู่อย่างผิดกฎหมายที่หน้า โฮมดีโพ สาขาถนนซันเซ็ต ใกล้ไทยทาวน์ ถนนฮอลลีวูด มีการจับกุมผู้ต้องหาสี่คน เป็นชาวลาติโน่ทั้งหมด โดยหนึ่งคนทราบว่าได้เปลี่ยนสัญชาติเป็นอเมริกันแล้ว ซึ่งทนายความของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ในฐานะสมาชิกของเครือข่าย the Los Angeles Rapid Response Network ที่ดูแลพื้นที่แถบนั้น กำลังติดตามข้อมูล รวมถึงรายชื่อของผู้ถูกจับกุม เพื่อให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือ

ต่อมา นางชัญชนิฐ หรือแชนซี่ มาร์เทอเรล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ได้ให้สัมภาษณ์สยามทาวน์ยูเอส ว่า ขณะนี้ สถานการณ์กำลังตึงเครียดอย่างมาก เพราะการเร่งจับกุมตามเป้าหมายที่ต้นสังกัดได้ตั้งเอาไว้ (วันละ 3,000 คน) ทำไอซ์ ต้องละเลยขั้นตอนต่างๆ ที่เคยยึดถือไป

“ไม่ผ่าน due process เลย เราเห็นหลายรายแล้ว ไม่มีหมายจับเลย ที่เราพยายามบอกทุกคนว่าเขาจะจับไม่ได้นะถ้าไม่มีหมายจับจากศาล ไม่เลย เขายกเลิกหมดเลย จับทุกคนเลย ตอนนี้จับตามป้ายรถเมล์ด้วย เมื่อวันก่อนที่พาซาดีน่า จับไปตั้งหลายคนตอนคอยรถเมล์”

ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ยังบอกอีกว่า ไอซ์ ได้ปฏิเสธไม่ให้ทนายความ หรือกระทั่งนักการเมือง ทั้งระดับท้องถิ่นและระดับรัฐบาลกลาง (เช่นกรณีของ ส.ส.จูดี ชู คองเกรสวูแม่นของแคลิฟอร์เนีย) เข้าพบผู้ถูกจับกุมด้วย ซึ่งถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เคยมีมาก่อน

“แชนซี่มีเพื่อนเป็น เอฟบีไอ ซึ่งเอฟบีไอ ถูกทรัมป์สั่งให้ทำงานกับไอซ์ เขาโมโหมาก เพราะไม่ได้ตกลงกันไว้แบบนี้ เขาอยากจะทำงานของเขา อาชญากรรมที่เกี่ยวกับความมั่นคง ต่อต้านการค้ามนุษย์ อะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้ เอฟบีไปต้องไปกับไอซ์ แล้วเมื่อก่อนนี้นะ เพื่อนบอกว่าจะมีรายชื่อของคนที่เป็นอาชญากร แล้วไปไปจับคนพวกนั้น แต่ตอนนี้ยกเลิกหมดแล้ว ไม่มีรายชื่ออะไรเลย ไปได้ทุกที่เลย”

“แชนซี่” เล่าด้วยว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทางศูนย์ฯ ได้ให้ความช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์สองคน เป็นชาวเวเนซุเอล่า ที่ถูกหลอกมาทำงานเคลียพื้นที่ที่เสียหายจากไฟป่าพาลิเสส โดยล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคม ทนายความ (พนิดา จอนส์สะ) ได้พาทั้งสองไปขึ้นศาลที่ซานตาอาน่า ซึ่งผู้พิพากษาสั่งยกเลิกการเนรเทศ เพราะทั้งสองเป็นเหยื่อและเป็นพยานให้กับคดีด้วย

“แต่พอพนิดาเดินออกมากับลูกความสองคนนี้ ไอซ์เข้ามาจับไปเลย แล้วพนิดากับพชร (ทนายความด้านอิมมิเกรชั่นอีกคนของศูนย์ส่งเสริมชาวไทย) ต้องไปหาที่ศูนย์กักกันเมือง Adelanto ในซานเบิร์นนาดิโน่ เพื่อให้เซ็นชื่อว่าเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ซึ่งเราได้ยื่นศาลไป แต่ว่าไอซ์… เพื่อไม่ให้ลูกความเจอทนาย ส่งตัวสองคนไปที่ศูนย์กักกันเอล ปาโซ่ รัฐเท็กซัสเลย ตอนนี้เราติดต่อลูกความไม่ได้เลย จนเมื่อวาน (18 มิ.ย.) ลูกความโทรหาพนิดา บอกโอ้โห อยู่แบบแย่มาก ไม่มีนำ้ ไม่มีข้าว ไม่มีแปรงสีฟัน ไม่ได้อาบน้ำอะไรเลย บอกว่า desperate มากแล้ว ทนไม่ได้แล้ว เลยขอยกเลิกคดีทุกอย่าง ไม่ขอสู้ เพราะอยากกลับเวเนซุเอล่าแล้ว ไปหาครอบครัวดีกว่า ทนไม่ได้แล้ว”

อย่างไรก็ดี ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย บอกว่าจากข้อมูลที่เธอมี ยังไม่พบว่ามีคนไทยในแคลิฟอร์เนียใต้ ถูกจับกุมโดยไอซ์ แม้จะเคยบุกมาที่ไทยทาวน์ ถนนฮอลลีวูด แล้วก็ตาม

“มาในไทยทาวน์เมื่อวันก่อน มาที่ถนนฮอลลีวูดกับคิงสเลย์ (หน้าตลาดบางรัก-สนามหลวง) เราก็ส่งคนไป แต่ไปถึงตอนเขากลับไปพอดี เลยไม่ได้ถ่ายรูป ไม่ได้ทำอะไร” แชนซี่ มาร์เทอเรล กล่าว และว่าแม้จะเน้นจับกุมชาวลาติโน่ เป็นหลัก แต่ก็มีคนเอเชียถูกจับกุมไปแล้วพอสมควร

“ที่เห็นก็มีเวียดนาม เขมร พม่า อินโดนีเซีย แต่คนไทยยังไม่มี แชนซี่ก็ fingers crossed อยู่ แต่ตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นลาติโน่ เขาเน้นก่อนเพราะเป็นกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด จากนั้นก็จะไปขยับไปชุมชุมอื่นๆ ตอนนี้เขาไปย่านคนจีนในซานเกเบรียล แล้ว”

ภายใต้สถานการณ์แห่งความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น แชนซี่ มาร์เทอเรล ฝากถึงชุมชนไทยว่าต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น

“ถ้าอยู่ในอพาร์ทเมนท์ หรือในบ้าน ก็อย่างที่แนะนำไป อย่าเปิดประตู ถ้าไม่มีหมายศาลเขาเข้ามาไม่ได้ หรือถ้าเป็นร้านอาหาร ซึ่งถือว่าเป็น private property เราไม่ให้ไอซ์เข้ามาได้ ก็มีหลายร้านนะ ทีเราเห็นว่าพอไอซ์มา เขาปิดประตูร้านเลย แต่ถ้าอยู่ข้างนอกก็ต้องพยายามระวังให้มาก เพราะว่ามันไม่เกี่ยวกับการจับกุมคนมีประวัติอาชญากรรมแล้วนะ เขาไม่แคร์แล้ว ถ้าหน้าตาไม่ใช่คนอเมริกัน เขาเข้ามาเช็คทันที เพราะฉะนั้น Put on your best running shoes วิ่งค่ะ วิ่งให้เร็วที่สุด”

นอกจากนี้ ยังควรมีแผนของครอบครัวในกรณีที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันให้พร้อมด้วย “คุยกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนฝูงเอาไว้ ถ้าถูกจับจะติดต่อใคร ใครจะไปรับลูก มีเบอร์ทนาย หรือเบอร์ศูนย์ส่งเสริมชาวไทย เอาไว้ เหมือนแผนรับมือแผ่นดินไหวเลย”

ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่เน้นการทำงานเพื่อเสริมความเข้มแข็งของชุมชนในทุกด้าน ยังแสดงความเห็นด้วยว่า หากประธานาธิบดีทรัมป์ ยังคงใช้นโยบายอิมมิเกรชั่นแบบแข็งกร้าวต่อไป เศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบรุนแรง

“เพราะทุกคนกลัวมาก ไม่กล้าออกจากบ้าน ไม่ไปเรียน ไม่ไปหาหมอ ไม่ไปทำงาน ตอนนี้เรากำลังตั้งกลุ่มอาสาสมัคร เอาอาหาร เอาโกรเซอรี่ไปให้ที่บ้าน เพราะว่าเขากลัว ไม่กล้าออกมา ตอนนี้แย่นะ ธุรกิจ ฟาร์ม ฯลฯ ไม่มีคนงาน คนไม่ออกไปกินข้าวนอกบ้าน ไม่ไปซื้อของ สวาฟมีทต่างๆ ตอนนี้ แทบร้างเลย เพราะไอซ์ ไปบุกที่ซานตาเฟ่ สปริง กับที่ถนนเวอร์มอนท์ (กับเมลโรส) แล้วยังเอาทหารเรือ เอากองกำลังป้องกันชาติมาคุ้มกันไอซ์ ไม่ให้มีการประท้วงขัดขวางอีก บ้าไปแล้ว” ผอ.ศูนย์ส่งเสริมชาวไทย กล่าว

“สถานการณ์อันตรายแบบนี้ จะมีอยู่ต่อไปถ้าทรัมป์ยังอยู่ในตำแหน่ง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงมี No King protest เราก็ต้องพยายามยืนหยัด สู้ ขัดขืน ประท้วง เพื่อสิทธิอันชอบธรรมของเรา” ชัญชนิฐ มาเทอเรล กล่าวในที่สุด

ทั้งนี้ สามารถติดต่อศูนย์ส่งเสริมชาวไทย ได้ที่หมายเลข 323-468-2555 Email: legal@thaicdc.org หรือ info@thaicdc.org.