เดอะฮิลล์ รายงานเมื่อบ่ายวันที่ 17 มิถุนายน 2025 ว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานบังคับใช้กฎหมายอิมมิเกรชันและศุลกากร หรือ ไอซ์ ได้รับคำสั่งให้ทำการจับกุมแรงงานผิดกฎหมายในฟาร์ม โรงแรม และร้านอาหารต่อ หลังจากที่ทางสำนักงานฯ ได้รับคำสั่งจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ระงับการบุกจับกุมตามแหล่งงานดังกล่าว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ข่าวบอกว่าขณะนี้ ไอซ์​ กำลังอยู่ในสภาพที่ถูกกดดันอย่างหนัก เพราะทำเนียบขาวตั้งเป้าหมายการจับกุมผู้อยู่ผิดกฎหมายเอาไว้สูงถึง 3,000 คนต่อวัน ขณะที่ถูกต่อต้านอย่างหนักจากประชาชน โดยเฉพาะในเมืองที่มีผู้อพยพเป็นจำนวนมากอย่างลอส แอนเจลิส

ทริเชีย แม็คลาฟลิน ผู้ช่วยฝ่ายมวลชนสัมพันธ์ของรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงภายใน แถลงถึงคำสั่งล่าสุด ว่าเป็นไปตามท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ชัดเจนอย่างที่สุดว่าจะไม่เหลือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับทุกภาคส่วนที่ให้ที่พักพิงกับอาชญากรร้ายแรง หรือเจตนาพยายามบ่อนทำลายความพยายามของไอซ์ อีกต่อไป

“การบังคับใช้กฎหมายตามแหล่งงาน ยังคงเป็นรากฐานสำคัญของความพยายามรักษาความปลอดภัยของสาธารณะ, ความมั่นคงของชาติ และความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ปฏิบัติการลักษณะนี้ มีเป้าหมายไปที่เครือข่ายการจ้างงานที่ผิดกฎหมาย ที่บ่อนทำลายแรงงานอเมริกัน, สั่นคลอดตลาดแรงงาน และเอาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศ (critical infrastructure) มาเปิดโปงเพื่อหากำไรด้วย”

โดยเมื่อสองวันก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้สั่งระงับการบุกจับกุมแรงงานผิดกฎหมายในฟาร์ม ร้านอาหารและโรงแรม โดยโพสต์โซเชียลมีเดียถึงเหตุผลว่า “เกษตรกรและผู้ประกอบการในธุรกิจสันทนาการทั้งหลาย ได้แจ้งมาว่านโยบายอิมมิเกรชั่นแบบรุนแรงของเรา คือการเอาคนงานที่ดีมากและอยู่มานาน ไปจากพวกเขา โดยตำแหน่งงานเหล่านั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้ในการหาคนมาทดแทน แบบนี้ไม่ดี เราต้องคุ้มครองเกษตรกรของเรา แต่ก็ต้องเอาพวกอาชญากรทั้งหลายออกไปจากอเมริกา ความเปลี่ยนแปลงกำลังมา” 

การเปลี่ยนท่าทีของทรัมป์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากในช่วงเช้าของวันที่ 17 มิถุนายน ที่เขาได้ออกมาตำหนิประธานาธิบดี โจ ไบเดน อีกครั้ง ก่อนจะบอกว่าจะเขามีแผนจะสั่งเดินหน้าปฏิบัติการบุกจับกุมขนานใหญ่ต่อไป โดยเฉพาะในเมืองที่มีผู้บริการสังกัดพรรคเดโมแครต

“เราจะสอดส่องไปทุกแห่ง แต่ผมคิดว่าปัญหาใหญ่สุดของเราคือเมืองเสื่อมโทรมทั้งหลาย เรามองหาทุกแห่ง หาพวกที่เขา (ประธานาธิบดีไบเดน) ปล่อยให้เข้าประเทศ หรือยอมให้เข้ามา ผมไม่คิดว่าเขารู้ว่าทำอะไรลงไป แล้วแต่ใครที่ทำงานให้เขา แต่คนที่พวกเขาปล่อยให้เข้ามาในประเทศนี้ เราจะไม่มีวันลืม” ทรัมป์กล่าว.