เสนอปรับกัญชาเป็น “สารเสพติดประเภทสาม”
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : อุตสาหกรรม “สายเขียว” อเมริกาได้เฮ หลังรัฐบาลกลางเสนอให้จัดประเภทของ “กัญชา” ใหม่ จากสารควบคุมประเภทหนึ่ง เป็นประเภทสาม ร่วมกับยาไทลินัลและสเตียรอยด์ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวของ โดยเฉพาะในรัฐเสรีกัญชา สามารถ “ไปต่อ” ได้
เอพี รายงานข่าวว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าอัยการ เมอริค การ์แลนด์ เป็นตัวแทนของสำนักงานคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด (The U.S. Drug Enforcement Administration หรือ ดีอีเอ) ได้เข้ายื่นข้อเสนอกับสำนักงานจัดการและการงบประมาณของทำเนียบขาว เกี่ยวกับข้อเสนอเรื่องการจัดประเภทของกัญชาใหม่ จากสารควบคุมประเภทหนึ่ง ตามกฎหมายควบคุมสารเสพติด ที่บัญญัติใช้เมื่อกว่า 50 ปีที่ผ่านมา ให้ลดลงมาอยู่ในกลุ่มสารควบคุมประเภทที่สาม ซึ่งเป็นกลุ่มสารควบคุมที่มีอันตรายน้อยกว่า มีโอกาสเสพติดน้อยกว่า และมีประโยชน์ทางแพทย์มากกว่า
สารควบคุมประเภทที่สามในปัจจุบันนี้ ก็เช่น ไทลีนอลกับโคเดอีน (Tylenol with codeine), สเตียรอยด์ (steroids) และเทสโทสเตอโรน (testosterone)
เอพี บอกว่าข้อเสนอให้ลดประเภทกัญชาลงมาเป็นสารควบคุมประเภทสาม แทนที่จะปลดกัญชาออกจากรายการสารควบคุมโดยสิ้นเชิง ได้สร้างความผิดหวังให้กับกลุ่มเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมกัญชาในอเมริกา ค่อนข้างมาก แต่ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ก็เท่ากับแก้ไขปัญหาใหญ่ของธุรกิจกัญชาในรัฐที่เปิดเสรี เช่นในแคลิฟอร์เนีย ที่ยังคงเป็นธุรกิจผิดกฎหมายในระดับรัฐบาลกลาง
การปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภทหนึ่ง ทำให้กัญชากลายเป็นสารควบคุมที่ได้รับการยอมรับว่ามีประโยชน์ในเชิงการแพทย์ เป็นการเปิดประตูให้บริษัทยา และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง สามารถขายและจัดจำหน่าย “กัญชาเชิงการแพทย์“ ได้อย่างถูกต้อง และเป็นที่ยอมรับของรัฐบาลกลางมากขึ้น
นอกจากนี้ เอพียังบอกบอกด้วยความความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว จะมีผลประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมกัญชาของอเมริกา ที่มีมูลค่าประมาณ 34 พันล้านดอลลาร์มากมาย เช่นสามารถยื่นขอลดหย่อนภาษีได้เหมือนธุรกิจอื่นทั่วไป รวมถึงสามารถเปิดบัญชีกับธนาคารต่างๆ ได้ ฯลฯ
ทั้งนี้ หากข้อเสนอของ ดีอีเอ ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานจัดการและงบประมาณฯ ก็จะเข้าสู่กระบวนการประชาพิจารณ์ (public comment) เป็นเวลา 60 วัน และเข้าสู่การพิจารณาโดยผู้พิพากษาศาลปกครอง (an administrative judge) ซึ่งอาจจะใช้เวลานานนับปี จึงจะสามารถประกาศใช้ได้
ความพยายามแยกประเภทของกัญชาออกจากสารเสพติดประเภทหนึ่ง ร่วมกับ เฮโรอีน, แอลเอสดี และยาอี (methamphetamine) เริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม 2020 เมื่อคณะทำงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องให้ทบทวนกฎหมายควบคุมสารเสพติดของรัฐบาลกลาง และประกาศอภัยโทษผู้ต้องหาของรัฐบาลกลาง ในคดีมีกัญชาในครอบครองจำนวนหลายพันคน รวมถึงเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นทำอย่างเดียวกันกับนักโทษคดีกัญชาของตนเองด้วย
เอพีบอกด้วยว่าความพยามยามของรัฐบาลกลางเกี่ยวกับเรื่องนี้ น่าจะมีส่วนช่วยให้ประธานาธิบดีไบเดน ได้คะแนนเสียงจากกลุ่มสนับสนุนเปิดเสรีกัญชามากขึ้น โดยอ้างผลสำรวจ แกลล็อปโพลล์ เกี่ยวกับท่าทีของ ดีอีเอ ที่เสนอให้ลดโทษคดีกัญชา (decriminalized) ที่ได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน โดยเฉพาะคนหนุ่ม-สาวมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับการสำรวจความเห็นประเด็นเดียวกันเมื่อปี 2000 ที่มีผู้สนับสนุนเพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น.
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส