ผู้คนยังไหลออกจากแคลิฟฯ ต่อเนื่อง
แม้แคลิฟอร์เนียจะได้รับฉายาว่าเป็น “รัฐสีทอง” แต่มนต์เสน่ห์ของรัฐริมทะเลแห่งนี้ กำลังเสื่อมคลายลงอย่างรวดเร็ว เห็นจากตัวเลขประชากรที่ “ย้ายออก” ไปอยู่ที่รัฐอื่น ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดเจ็ดปีติดต่อกัน
โดยข้อมูลจากผลสำรวจประชากรสหรัฐฯ ระบุว่าตลอดเจ็ดปีที่ผ่านมา รัฐแคลิฟอร์เนียมีคนย้ายออกมากกว่าคนย้ายเข้า โดยรัฐที่มีชาวแคลิฟอร์เนียย้ายออกไปอยู่มากที่สุด คือรัฐเท็กซัส (86,000 คน), อริโซน่า (ประมาณ 40,000 คน), วอชิงตัน (55,000 คน), เนวาด้า (50,000 คน) และโอเรก้อน (43,000 คน)
โดยผลสำรวจความเห็นประชาชนของ ยูซีเบิร์คเลย์ เมื่อไม่นานมานี้ พบว่า 52 เปอร์เซ็นต์ของผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิ์เลือกตั้ง บอกว่าพวกเขากำลังคิดว่าควรจะย้ายออกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย หากต้องการให้สภาพชีวิตดีขึ้น
ผลสำรวจความเห็นฉบับนี้ บอกว่าเหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนอยากย้ายออกจากแคลิฟอร์เนีย คือค่าใช้จ่ายในเรื่องที่อยู่อาศัย (71 เปอร์เซ็นต์), ภาษีสูงเกินไป (58 เปอร์เซ็นต์) และเหตุผลทางการเมือง (โดยเฉพาะกลุ่มหัวอนุรักษ์นิยม) อีกประมาณ 46 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจำนวนพลเมืองของรัฐแคลิฟอร์เนียจะลดลง แต่ในส่วนของผู้มีรายได้สูง กลับเพิ่มมากขึ้น โดยประชากรกลุ่มนี้หนาแน่นขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาในย่าน เบย์แอเรีย.
แอลเอ “ระงับ” สกู๊ตเตอร์และจักรยานไฟฟ้า “จั๊ม”
ข่าววันที่ 4 พฤศจิกายน 2019 รายงานว่าเทศบาลเมืองแอลเอ ได้สั่งระงับใบอนุญาตของ สกู๊ตเตอร์และจักรยานไฟฟ้า จัมพ์ (Jump) ซึ่งเป็นบริการของ อูเบอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ข่าวบอกว่าสาเหตุที่เทศบาลสั่งยกเลิกการให้บริการเช่าบริการ สกู๊ตเตอร์และจักรยานไฟฟ้า ของจัมพ์ เพราะต้นสังกัด คืออูเบอร์ ปฏิเสธที่จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของประชาชนกับเทศบาล
ทั้งนี้ บริการเช่าจักรยานและสกู๊ตเตอร์ แบบผ่านแอพพลิเคชั่น ในเขตเมืองลอส แอนเจลิส อยู่ในขั้นตอนของการทดลอง (pilot progam) โดยเทศบาล ซึ่งในระยะนี้ผู้ประกอบการทุกรายจะต้องแบ่งปันข้อมูลกับทางเทศบาลด้วย ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลสำหรับการพิจารณาอนุญาตเป็นการถาวรต่อไปในอนาคต
ข่าวบอกว่าหากอูเบอร์ ไม่ปฏิบัติตามระเบียบภายในวันที่ 8 พฤศจิกายนนี้ บริการจักรยานไฟฟ้าและสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ของจัมพ์ จะถูกยกเลิกทันที.
แอปเปิลทุ่ม 2.5 พันล้าน แก้วิกฤติที่พักในแคลิฟฯ
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แอปเปิล แถลงว่าจะทุ่มเงิน 2.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยแบ่งเบาวิกฤติที่พักอาศัยในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์จะนำไปสร้างกองทุนสำหรับสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย (an affordable housing investment fund) อีก 1 พันล้านดอลลาร์ จะถูกนำไปใช้ในกองทุนช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านครั้งแรก (a first-time homebuyer mortgage assistance fund)
อีก 300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นมูลค่าของที่ดิน ซึ่งแอปเปิลเป็นเจ้าของ จะถูกเปลี่ยนเป็นบ้านพักสำหรับผู้มีรายได้ และอีก 200 ล้านดอลลาร์ จะถูกนำไปสร้างบ้านพักผู้มีรายได้น้อยในย่านเบย์แอเรีย
ทิม คุ๊ก ซีอีโอของแอปเปิล กล่าวว่าเป็นหน้าที่ในฐานะพลเมืองที่จะให้ความช่วยเหลือประชาชนในรัฐที่บริษัทของเขาตั้งอยู่ ในการหาบ้านพักในราคาที่เหมาะสม
ท่าทีของแอปเปิลครั้งนี้ แม้จะมีการระบุยอดเงินที่มหาศาล แต่ถือว่าเป็นบริษัทไฮเทคแห่งที่สามที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ โดยสองบริษัทแรกคือ กูเกิล และเฟสบุ๊ก ได้ประกาศให้ความช่วยเหลือวิกฤติบ้านพักอาศัยในแคลิฟอร์เนียตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยประกาศให้เงินช่วยเหลือบริษัทละ 1 พันล้านดอลลาร์.
LA Pride ประกาศดึง “WorldPride” มาแอลเอ
องค์กร คริสโตเฟอร์ สตรีท เวสท์ ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรที่ทำงานเพื่อกลุ่ม แอลจีบีทีคิว และเป็นผู้จัดงาน LA Pride Festival and Parade ในเมืองเวสท์ฮอลลีวูด ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะพยายามประมูลเป็นผู้จัดงาน WorldPride ให้เกิดขึ้นในลอส แอนเจลิส ในปี 2025
“เรามีความเชื่อมั่นว่า โครงสร้างพื้นฐานอันมีสีสัน ทำให้ลอส แอนเจลิส คือเมืองเจ้าภาพที่เหมาะสมที่สุดในกาต้อนรับโลกทั้งใบมางาน WorldPride 2025” เอกสารข่าวขององค์กร คริสโตเฟอร์ สตรีทฯ ระบุ
ข่าวบอกว่า LA Pride ถือเป็นงานพาเหรดของกลุ่ม แอลจีบีทีคิว แห่งแรกของอเมริกา มีมาตั้งแต่ปี 1970 โดยจะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีในปี 2020 ที่จะถึงนี้
ส่วนงาน WorldPride ก่อตั้งโดยองค์กรไม่หวังผลกำไรที่เคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ์ของกลุ่ม แอลจีบีทีคิว ชื่อ InterPride โดยงาน WorldPride เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2000 ที่กรุงโรม และที่ผ่านมามีเมืองต่างๆ ทั่วโลกผลัดเปลี่ยนกันเป็นเจ้าภาพทุกๆ สองปี เช่นนิวยอร์ค, เยรูซาเล็ม, มาดริด เป็นต้น โดยครั้งต่อไป คือ WorldPride 2021 จะจัดขึ้นที่เมืองกัวดาลาฮาร่า (Guadalajara) ประเทศเม็กซิโก โดยข่าวบอกว่าจะมีการประกาศชื่อของเมืองเจ้าภาพปี 2025 ระหว่างงาน WorldPride 2021 ด้วย.