สาธารณสุขเตือน “ไข้หุบเขา” กำลังระบาดแคลิฟอร์เนีย
แอลเอ (สยามทาวน์ยูเอส) : พบผู้ป่วย “แวลเล่ย์ ฟีเวอร์” หรือ “ไข้หุบเขา” ในหลายพื้นที่ของแคลิฟอร์เนียมากกว่า 5,000 รายในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025 สำนักงานสาธารณสุขของแคลิฟอร์เนีย ได้แถลงเตือนประชาชนว่าโคไข้หุบเขา หรือ Valley Fever กำลังระบาดในหลายพื้นที่ โดยพบผู้ป่วยมากกว่า 5,000 รายในช่วงหกเดือนแรกของปี 2025 ถือว่าเพิ่มขึ้นมากจากปี 2000 ที่ทั้งปีมีผู้ป่วยโรคนี้เพียงไม่ถึง 1,000 รายเท่านั้น
ปี 2024 พบผู้ป่วยไข้หุบเขาในแคลิฟอร์เนีย 12,500 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขสูงสุดเท่าที่มีการเก็บบันทึกไว้ และเชื่อว่าหากสถานการณ์ไม่เปลี่ยนแปลง ตัวเลขผู้ป่วยในปี 2025 อาจจจะลบสถิติดังกล่าวลงได้
โรคไข้หุบเขา หรือที่รู้จักกันในชื่อ coccidioidomycosis หรือ "cocci" เกิดจากเชื้อราที่เติบโตในดินในบางพื้นที่ของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะบริเวณตอนกลางของของ (Central Valley และ Central Coast) ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายกับโรคโควิด-19 หรือไข้หวัดใหญ่ เช่นมีไข้ ไอ อ่อนเพลีย เหงื่อออกตอนกลางคืน ในบางกรณี อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ปวดกล้ามเนื้อ หรือปวดข้อ และมีผื่นแดงตามลำตัว แขน หรือขา
โดยสำนักงานสาธารณสุขฯ เตือนว่าโรคไข้หุบเขาอาจนำไปสู่การติดเชื้อในปอดอย่างรุนแรง รวมถึงโรคปอดบวมได้
สำนักงานสาธารณสุขฯ บอกด้วยว่าขณะนี้ มีผู้ป่วยมากที่สุดในพื้นที่ตอนใต้ของซาน ฮัวคีน แวลเล่ย์ แต่พื้นที่อื่นๆ ก็มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
นอกจากเป็นอันตรายกับคนแล้ว โรคไข้หุบเขายังเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว ปศุสัตว์และสัตว์ป่าทั่วไปด้วย
สำนักงานสาธารณสุขฯ ได้แนะนำในการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อไข้หุบเขา ก็เช่น
-อยู่ในบ้านและปิดประตูหน้าต่างให้สนิทเมื่อลมแรงและอากาศมีฝุ่นละออง
-เมื่อขับรถผ่านพื้นที่ที่มีฝุ่นละออง ควรปิดหน้าต่างรถ และเปิดระบบอากาศหมุนเวียน (recirculating air) หากเป็นไปได้
-ก่อนขุดดิน ควรฉีดน้ำให้ดินเปียกเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายในอากาศ
-ควรพิจารณาสวมหน้ากากอนามัย N95 ที่พอดีหน้า หากคุณต้องอยู่กลางแจ้งในบริเวณที่มีฝุ่นละอองเหล่านี้
ทั้งนี้ โรคไข้วัลเลย์ สามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือดในห้องแล็ปเท่านั้น โดยสำนักงานสาธารณสุขฯ บอกว่าคนทุกวัยสามารถล้มป่วยด้วยโรคนี้ได้ แต่กลุ่มเสี่ยงสูงสุดคือผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือผู้ที่กำลังตั้งครรภ์
สำนักงานสาธารณสุขระบุว่า คนผิวดำและชาวฟิลิปปินส์ ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไข้วัลเลย์เช่นกัน
“ขอแนะนำให้ประชาชนปรึกษาแพทย์ หากกังวลเกี่ยวกับการติดเชื้อไข้วัลเลย์” สำนักงานสาธารณสุขของแคลิฟอร์เนีย ระบุ และว่าหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนี้ สามได้ตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ของทางสำนักงาน (คลิก)
นำเสนอข่าวโดย : ภาณุพล รักแต่งาม,
แหล่งที่มาข่าวโดย : สยามทาวน์ยูเอส