หลังจากกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของผู้อพยพ ได้ยื่นฟ้องศาลแขวงสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวหาว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีเจตนากักตัวบุคคลโดยพิจารณาจากเชื้อชาติ (race) โดยมุ่งเป้าไปที่คนผิวสีน้ำตาล (brown-skinned people) ในแคลิฟอร์เนียตอนใต้เป็นหลัก และขอให้ศาลมีคำสั่งยับยั้งไม่ให้รัฐบาลใช้สิ่งที่เรียกว่า “กลยุทธ์ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ” ในการบุกจับผู้อพยพโดยไม่มีหมายจับ อีกทั้งปฏิเสธไม่ให้ผู้ถูกกักตัวติดต่อทนายความ ฯลฯ อีกต่อไป

ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม 2025 ผู้พิพากษา มามี อี ฟริมพอง แห่งศาลแขวงสหรัฐฯ เขตแคลิฟอร์เนียตอนกลาง มีคำสั่งให้รัฐบาลกลางหยุดการจับกุมผู้อพยพแบบไม่เลือกหน้าในเจ็ดเคาน์ตี้ของแคลิฟอร์เนีย รวมทั้งลอส แอนเจลิส ด้วย

พร้อมกันนี้ ผู้พิพากษา ฟริมพอง ยังได้ออกคำสั่งแยกอีกฉบับ เพื่อห้ามไม่ให้รัฐบาลกลางจำกัดการเข้าถึงของทนายความในสถานกักกันผู้อพยพในลอส แอนเจิส ด้วย

ข่าวบอกว่าคำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ผู้พิพากษาได้รับฟังการเฮียริ่งของทั้งสองฝ่ายตลอดวันพฤหัสฯ ที่ 10 กรกฎาคม ก่อนจะเห็นพ้องกับฝ่ายโจทย์ว่า รัฐบาลกลาง โดยไอซ์ กำลังละเมิดบทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งที่ 4 และครั้งที่ 5 ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของรัฐธรรมนูญสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้ความคุ้มครองเสรีภาพส่วนบุคคลในการโต้ตอบ หรือ interactions กับรัฐบาล

ทั้งนี้ ปฏิบัติการของไอซ์ ในแคลิฟอร์เนียใต้ในช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น สหภาพแรงงาน “เสรีภาพพลเมืองอเมริกัน” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มโจทก์ บอกว่าขับเคลื่อนโดยการตั้งโค้วต้าจับกุมแบบไร้กฎเกณฑ์ (arbitrary arrest quota) และเป็นไปตามแผนกว้างๆ คือเล็งเป้าด้วยเชื้อชาติเป็นหลัก โดยเลือกลงมือที่แหล่งงาน เช่นร้านล้างรถ โฮมดีโพ สวาฟมีท และศาลอิมมิเกรชั่น ฯลฯ เป็นเหตุให้ชุมชนผู้อพยพ และชาวลาติโน่ทั่วแคลิฟอร์เนียใต้ อยู่ในสภาวะตึงเครียด และตอบโต้โดยการรวมชุมนุมประท้วง จนเหตุการณ์ลุกลามและลงเอยโดยรัฐบาลทรัมป์ ได้ส่งกำลังพลของกองกำลังป้องกันชาติและนาวิกโยธิน มาคุมสถานการณ์

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้พิพากษาของรัฐบาลกลาง ได้ออกคำสั่งเบื้องต้น ห้ามไม่ให้ ไอซ์ ทำการจับกุมโดยไม่มีหมายจับ ในพื้นที่หลายเคาน์ตี้ทางตะวันออกของแคลิฟอร์เนียไปแล้ว.