วันพุธที่ 31 สิงหาคม 2022 กลายเป็นวันที่อากาศในภูมิภาคแคลิฟอร์เนียตอนใต้ร้อนจัดที่สุดของปี  โดยอุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่า 100 องศาในแทบทุกพื้นที่ เช่นเมืองวูดแลนด ฮิลล์ มีอุณหภูมิสูงสร้างสถิติใหม่ที่ 112 องศา (ลบสถิติเก่าเมื่อปี 1998 ที่ 111 องศา) ส่วนเมืองทะเลทรายอย่างปาล์มสปริง มีอุณหภูมิสูงสุดที่ 113 องศา และบางส่วนในย่านอินแลนด์ เอ็มไพร์ อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 115 องศาได้

นอกจากแคลิฟอร์เนียแล้ว ข่าวบอกว่าในวันดังกล่าว อุณหภูมิร้อนจัดในหลายภูมิภาค ทั้งฝั่งตะวันตก, ใต้ และตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงทวีปยุโรปด้วย โดยเฉพาะสหราชอาณาจักร ร้อนชนิดลบสถิติในวันนี้เช่นกัน

สภาพอากาศที่ร้อนจัดที่คาดว่าจะต่อเนื่องไปจนถึงวันอาทิตย์ (4 กันยายน) นี้ ทำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค หรือ ซีดีซี ของอเมริกา ได้ประกาศเตือนอันตรายจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด หรือ excessive heat โดยแนะนำให้ประชาชนในพื้นที่ที่อุณหภูมิร้อนจัด ปฏิบัติดังนี้
 
-ทาครีมกันแดด เพื่อป้องกันผิวหนังไหม้ (sunburn) ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการขาดน้ำ และทำให้ร่างกายปรับอุณหภูมิลงได้ช้ากว่าปกติ โดยแนะนำให้ใช้ครีมกันแดด (SPF 15 ขึ้นไป) 30 นาทีก่อนออกไปนอกบ้าน และครีมกันแดดที่ระบุสรรพคุณว่า broad spectrum หรือ UVA/UVB protection จะดีที่สุด

-อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ และดื่มโดยไม่ต้องรอให้กระหายน้ำ เลี่ยงเครื่องดื่มผสมน้ำตาลและอัลกอฮอลล์ ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น และให้ระวังเครื่องดื่มที่เย็นจัด เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง (stomach cramps) ได้หากดื่มในช่วงที่อากาศร้อนจัด

-เลี่ยงกิจกรรมนอกบ้าน เช่นการออกกำลังกาย ทำสวน ฯลฯ ในช่วงร้อนจัด

-ตรวจดูรถยนต์ให้ถี่ถ้วน อย่าทิ้งเด็กหรือสัตว์เลี้ยงในรถยนต์เด็กขาด ไม่ว่าจะเป็นช่วงสั้นๆ หรือเปิดแง้มหน้าต่างรถยนต์ไว้ก็ตาม

-ดูแลผู้ที่เสี่ยงต่ออันตรายจากสภาพอากาศร้อนจัดเป็นพิเศษ เช่นผู้สูงอายุ ผู้ป่วย หรือมีโรคประจำตัว เช่นโรคหัวใจ, ความดัน, เด็กอ่อน, ทารก, คนอ้วน หรือผู้ที่ใช้ยาบางจำพวก เช่นยากล่อมประสาท นอนไม่หลับ หรือยาช่วยการไหลเวียนของโลหิต ฯลฯ

โดยอันตรายจากความร้อนจัดที่ต้องระวังที่สุด คืออาการที่เรียกว่า ฮีทสโตรค หรือเป็นลมแดด ซึ่งเกิดขึ้นเพราะร่างกายไม่สามารถลดอุณหภูมิลงได้เองโดยการหลั่งเหงื่อ เพราะอาจส่งผลเสียหายให้กับสมองหรืออวัยวะสำคัญต่างๆ ได้

โดยอาการของ ฮีทสโตรค จะมีขึ้นหลังอุณหภูมิของร่างกายสูงกว่า 104 องศาฟาเรนไฮท์ขึ้นไป ตัวจะแดงจัด ขณะที่เหงื่อจะหยุดไหล ชีพจรเต้นเร็ว ปวดหัว มึนงง เป็นลม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน สมอง หัวใจ ไต และกล้ามเนื้อจะได้รับความเสียหายและอาจทำให้ผู้มีอาการเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากพบเห็นผู้มีอาการดังกล่าว ให้เรียก 911 และย้ายผู้ป่วยเข้าที่ร่ม หรือที่ๆ มีอุณหภูมิต่ำโดยด่วน รวมถึงให้ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ด หรือหุ้มร่างกายผู้ป่วยทันที

นอกจากนี้ อากาศที่ร้อนจัดยังเป็นอันตรายกับสัตว์เลี้ยงด้วย โดยสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์ของอเมริกา ออกคำแนะนำเจ้าของสัตว์เลี้ยงในวันที่อุณหภูมิสูงเช่นขณะนี้ว่า ให้เตรียมน้ำดื่มของสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ อย่าพาไปเดินหรือวิ่งออกกำลังกาย อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงเอาไว้ในรถยนต์ที่จอดเอาไว้ ไม่ว่าจะในร่มหรือกลางแจ้ง และให้หมั่นสังเกตอาการป่วยของสัตว์เลี้ยงในช่วงอากาศร้อนจัด เช่นอาการหอบ, หายใจแรง หายใจติดขัด หัวใจเต้นแรง และน้ำลายไหลผิดปกติ ฯลฯ

นอกจากนี้ ควรระวังเป็นพิเศษกับสุนัขหน้าแบน (flat faces) เช่นปั๊ก (pug) เพราะมีความเสี่ยงต่ออาการฮีทสโตรค สูงกว่าพันธุ์อื่นๆ รวมถึงให้ระวังสัตว์เลี้ยงที่อายุมาก หรือน้ำหนักเกินด้วย หากทำได้ให้นำสัตว์เลี้ยงเหล่านี้เข้ามาอยู่ในบ้าน.