สมาคมร้านอาหารแห่งชาติ หรือ The National Restaurant Association รายงานเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2022 ว่า ปัญหาสภาวะเงินเฟ้อในขณะนี้ ส่งผลให้ราคาอาหารฟาสฟู้ด มีการปรับขึ้นโดยเฉลี่ย 7 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับราคาที่สูงสุดในรอบ 41 ปี

ส่วนอุตสาหกรรมร้านอาหารโดยรวมนั้น สมาคมร้านอาหารฯ ระบุว่ามีการปรับราคาอาหารบนเมนูขึ้นโดยเฉลี่ย 6.9 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการปรับราคาที่สูงสุดในรอบ 41 ปีเช่นกัน

สาเหตุหลักที่ทำให้ร้านอาหาร ทั้งแบบฟูลเซอร์วิส และแบบฟาสฟู้ด จำเป็นต้องปรับราคาอาหารกันขนานใหญ่เช่นนี้ มาจากต้นทุนวัตถุดิบ และค่าแรงที่สูงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน โดยสมาคมร้านอาหารฯ ให้ข้อมูลว่า ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 15 เปอร์เซ็นต์ในรอบ 12 เดือน (ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2022) และค่าแรงรายชั่วโมงของพนักงานร้านอาหาร เพิ่มขึ้น 12.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา

นอกเหนือจากนี้ ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นถึง 48.0 เปอร์เซ็นต์ ก็ส่งผลกระทบรุนแรงกับต้นทุนของร้านอาหารเช่นกัน

ในช่วงปีที่ผ่านมา เชนฟาสฟู้ดหลายแห่ง ประกาศขึ้นราคาอาหารไปแล้ว เช่น สตาร์บัคส์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา หลังประกาศว่าจะมีการปรับราคาขึ้นภายในปีนี้ หรือ Chipotle ที่ปรับราคาขึ้นเฉลี่ย 4 เปอร์เซ็นต์ตั้งแต่หน้าร้อนที่ผ่านมา

โดยในขณะนี้ ราคาของบิ๊กแม็ค ซึ่งเป็นแฮมเบอร์เกอร์ “ซิกเนเจอร์” ของ แม็คโดนัลด์ ก็สูงกว่าราคาในปี 2021 ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับราคาเฉลี่ยของอาหารทุกรายการในเมนูของร้านฟาสฟู้ด ที่มีการปรับขึ้นในเวลานี้

อย่างไรก็ดี นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า ราคาอาหารในเมนูที่ปรับสูงขึ้น ไม่มีผลกระทบกับยอดขายของฟาสฟู้ดมากนัก โดยบอกว่า แม็กโดนัลด์ ได้รายงานผลประกอบการเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า มียอดขายสูงสุดนับจากปี 2016 เป็นต้นมา เช่นเดียวกับ Chipotle ที่คาดว่าจะมีผลประกอบการดีที่สุดในรอบหลายปี เช่นกัน.