กรุงเทพธุรกิจรายงานข่าวว่า นายวิลเบอร์ รอสส์ รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐ กล่าวในเวทีอินโด - แปซิฟิก บิสสิเนส ฟอรัม ครั้งที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2562 ที่ศูนย์ประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี เป็นอีกหนึ่งเวทีคู่ขนานการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 35 ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้ให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้ ตามที่ผู้นำสหรัฐได้เยือนประเทศอินเดียเมื่อกลางปีที่ผ่านมา และเยือนเวียดนามเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

แม้ว่า ประธานาธิบดี ทรัมป์ ไม่ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 35 และการประชุมระดับผู้นำที่เกี่ยวข้องแต่ได้มอบหมายให้นายโรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกความมั่นคงแห่งชาติ เป็นทูตพิเศษเป็นตัวแทน

“ขณะนี้ มีนักธุรกิจและผู้นำรัฐบาลจากสหรัฐกว่า 1,000 คนที่ประจำอยู่ทั่วภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี้เพื่อส่งเสริมมาตรฐานการลงทุนให้มีความเป็นธรรมและโปร่งใส ตามหลักนิติธรรม” รมว.พาณิชย์สหรัฐกล่าว

นายรอสส์ ได้อ้างสถิติตัวเลขด้านการค้าและการลงทุนของสหรัฐในอินโด-แปซิฟิกมากมายรวมถึงโครงการใหม่ๆในภูมิภาคนี้ ซึ่งเป็นสิ่งตอกย้ำว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญกับกลุ่มความร่วมมืออินโด-แปซิฟิก

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในความเป็นจริง สหรัฐเป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก โดยปลายปีที่แล้ว มีตัวเลขการลงทุนเอฟดีไอจากสหรัฐทั้งหมด 866 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าการลงทุนจากจีนในภูมิภาคนี้ที่มีอยู่ราว 504 พันล้านดอลลาร์

นับตั้งแต่เดือน ก.ค. 2561 กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้ส่งเสริมให้บริษัทเอกชนสหรัฐมากกวว่า 9,000 แห่งให้สามารถดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และช่วยอำนวยความสะดวกด้านการส่งออกสินค้าสหรัฐมายังภูมิภาคนี้ คิดเป็นมูลค่ามากกว่า 7.65 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ยังช่วยบริษัทเอกชนในอินโด-แปซิฟิกกว่า 2,500 แห่ง แสวงหาการลงทุนในสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 18 พันล้านดอลลาร์

ขณะที่ศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมุ่งเน้นให้การสนับสนุนผู้ส่งออกสหรัฐไปยังต่างประเทศภายใต้โครงการของรัฐบาลมีบริษัทสหรัฐเข้าร่วมแล้ว 1,412 แห่งที่ทำการค้าในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกมีมูลค่าการค้าประมาณ 631 พันล้านดอลลาร์และมีมูลค่าส่งออกประมาณ 491 พันล้านดอลลาร์

ส่วนกรณีที่สหรัฐระงับสิทธิพิเศษทางการค้า (จีเอสพี) กับประเทศไทย นายรอสส์กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่” เนื่องจากยอดการส่งออกเพียง 1.3 พันดอลลาร์ จากการส่งออกภายใต้สิทธิจีเอสพี ไปยังสหรัฐที่มีทั้งหมด 4.4 พันล้านดอลลาร์ จะเห็นว่า เป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของยอดรวมการส่งออกของไทยทั้งหมด

“ทั้งสหรัฐและไทย ยังมีเวลาที่จะหารือกันกรณีการระงับสิทธิจีเอสพีก่อนที่จะดำเนินการถอดสิทธิดังกล่าวในเดือนเม.ย.ปีหน้า” นายรอสส์กล่าว

หลังจากร่วมเวทีอินโด-แปซิฟิกที่ประเทศไทยแล้ว นายรอสส์จะนำคณะนักธุรกิจเดินทางเยือนประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม ตามลำดับ.
.
.