สำนักงานสาธารณสุขของลอส แอนเจลิส เคาน์ตี้ ประกาศเตือนประชาชนเมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา หลังจากมีการยืนยันว่ามีผู้ป่วยโรคหัด (Measles) เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน โดยผู้ป่วยรายนี้ ได้ไปซื้อของที่ร้านขายยา ซีวีเอส (CVS pharmacy) สาขาถนนเวนิช (4707 Venice Blvd.) และซูเปอร์มาร์เก็ตราล์ฟส์ สาขาถนนพิโก้ (4760 W Pico Blvd.) เมื่อบ่ายวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่ประชาชนท่ีอยู่ในสถานที่ดังกล่าว จะติดไวรัสโรคหัดจากผู้ป่วยรายนี้ได้
สำนักงานสาธารณสุขฯ ขอให้ประชาชนที่ไปจับจ่ายใช้สอยในสถานที่ทั้งสองดังกล่าว เฝ้าระวังอาการป่วยของตัวเอง โดยหากได้รับเชื้อ อาการจะเริ่มปรากฎในช่วงระกว่าง 14 ถึง 21 วัน กล่าวคือให้เฝ้าระวังอาการของตัวเองไปจนถึงวันที่ 17 พฤศจิกายน หากไม่มีอาการใดๆ ก็ถือว่าปลอดภัย และหากว่าเริ่มมีอาการให้พักผ่อนอยู่กับบ้าน และติดต่อแพทย์ประจำตัวโดยด่วน
คำเตือนดังกล่าว มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่สำนักงานสาธารณสุขฯ ได้ประกาสเตือนอันตรายแบบเดียวกันที่ดีสนีย์แลนด์ เพราะผู้ป่วยโรคหัดรายก่อนหน้าได้ไปเที่ยวที่นั่นก่อนที่จะเริ่มมีอาการ
ทั้งนี้ โรคหัด คือโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ผู้ป่วยจะเกิดผื่นขึ้นตามผิวหนังพร้อมเป็นไข้ร่วมด้วย โดยโรคหัดเกิดจากไวรัสกลุ่มพารามิคโซไวรัส (Paramyxovirus) สามารถแพร่เชื้อและติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศหรือการสัมผัสน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยโดยตรง เชื้อไวรัสจะเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจก่อนแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย โรคหัดถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน โดยไม่พบการแพร่เชื้อดังกล่าวในสัตว์ ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กเล็ก รวมทั้งเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตของเด็กแม้จะมีวัคซีนฉีดป้องกันโรคแล้วก็ตาม
โดยทั่วไปแล้ว จะเกิดอาการของโรคภายใน 14 วันหลังจากได้รับเชื้อไวรัส เช่นเป็นไข้ตัวร้อนคล้ายเป็นไข้หวัด มีอาการน้ำมูกไหล ไอบ่อย เจ็บคอ ตาแดง และมีตุ่มคอพลิค (Koplik Spots) หรือตุ่มแดงที่มีสีขาวเล็กๆ ตรงกลางขึ้นในกระพุ้งแก้ม เมื่อผู้ป่วยออกอาการได้ 3-5 วัน จะเกิดผื่นขึ้นตามร่างกาย โดยเกิดผื่นเป็นจุดบนหน้าผากก่อน แล้วค่อยแพร่กระจายมาที่ใบหน้าและลำคอ ภายใน 3 วันจะเกิดผื่นกระจายมาถึงมือและเท้า อาการผื่นคันนี้จะปรากฏอยู่ 3-5 วันและหายไปเอง
ตลอดปี 2019 ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยด้วยโรคหัดในเขตแอลเอ เคาน์ตี้ แล้ว 20 ราย และมีผู้ป่วยผ่านทาง (ไม่ได้มีภูมิลำเนาในเขตแอลเอ เคาน์ตี้) อีก 11 คน.