วัชรินทร์ จิตนาธรรม ที่พี่น้องในสังคมเรียกเขาอย่างคุ้นเคยว่า “อาจารย์แว่น” เป็นหนึ่งในสามของคนไทยในแอลเอ ที่ได้รับพระราชทาน “เสาเสมาธรรมจักร” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ (อีกสองท่านคือ บุญส่ง อนันตสุคนธ์ นักธุรกิจนำเข้าผลไม้ไทย เขาเป็นเจ้าของห้องอาหาร “อิ่มอร่อย” ด้วย, และ สุเทพ เตียวตระกูลวัฒน์ เจ้าของห้องอาหาร “เพรซิเดนท์ ไทย” ที่ประกอบธุรกิจนี้มากว่าสามสิบปี)
รางวัลเกียรติยศแห่งชีวิตนี้ มีไว้ตอบแทนความดีงามต่อบุคคลที่ทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนา ซึ่งบุคคลทั้งสามปรากฎชื่อเสียงในการทำคุณงามความดี เป็นประธานกฐินพระราชทาน, บริจาคทรัพย์และอาหารตามที่องค์กรต่างๆ และวัดไทยทั่วไปขอความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ต่างคนต่างเป็นกัลยาณบุคคล “ชั้นยอด” ของแอล.เอ.
วัชรินทร์ จิตณาธรรม กรรมการบริหารของวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ เมืองชิโน่ ฮิลลส์ (แต่งตั้งโดย พระธรรมเสนาบดี วัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อปี 2018) นอกจากจะบริจาคทรัพย์และอาหารช่วยงานวัดต่างๆ แล้ว เขายัง “เดินสาย” ทำหน้าที่เป็น “ซีเคียวริตี้ การ์ด” (ร่วมกับอีกหลายการ์ดจากชมรมอดีตทหารไทยฯ) คอยอำนวยความสะดวก ดูแลความเรียบร้อย-ปลอดภัยให้ประชาชนทั่วไป ยามที่วัดวาอาราม และองค์กรต่างๆ มีงาน อีกด้วย
เหตุผลสำคัญที่เขาได้รับพระราชทานเสาเสมาธรรมจักรนั้น เพราะทางวัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ เน้นย้ำไปอีกด้วยว่านอกจากจะทำประโยชน์แก่พระศาสนาแล้ว ยังเป็น “ซีเคียวริตี้ การ์ด” ที่มีผลงานต่อเนื่องกว่าสามสิบปีให้กับทุกวัดในแอล.เอ. แจกจ่าย “น้ำพักน้ำแรง” อบอุ่นทั่วถึงกัน
รสชาติ “ความเข้มแข็ง” ของการเป็นการ์ด เขาไม่แพ้รสชาติของการเป็น “เชฟ” ที่เข้มข้นต่อการปฏิบัติการในห้องครัวเช่นกัน เพราะคร่ำหวอดอยู่ในวงการนี้มากว่าสามสิบปีจนมีลูกค้ามากมาย “ไว้เนื้อเชื่อฝีมือ”... ที่ทำชื่อเสียงติดปากที่สุดน่าจะได้แก่ ร้าน”ข้าวต้มฮอลลีวูด” ใครไปใครมาแวะเยี่ยมหากัน จะต้องพาไปสังสรรค์กันที่ร้านของเขา บน “ถนนดารา” แห่งนี้
แต่ปัจจุบันเขาย้ายไปอยู่ “เวนทูร่า เค้าน์ตี้” เปิดร้านอาหารชื่อ “สวัสดี” มีลูกค้าติดใจมากมายเหมือนเดิม เพราะใช้หลักบริการ “ขั้นเทพ” ที่มีสูตร...ยิ้มน่ารัก...ทักก่อน...อ่อนน้อม...พร้อมบริการ...เบิกบานด้วย “มุทิตา”...ตามประสาคนมีธรรมะในใจที่ฝักใฝ่ช่วยงานวัดมาตั้งแต่อายุ 6 ขวบ
“...จำได้ว่าตั้งแต่พี่อายุหกขวบ ก็ไปช่วยงานวัดแล้ว ได้ยินว่าวัดไหนเขามีงานก็ตามเพื่อนๆ ไปช่วยกัน เสร็จงานแล้วก็จะได้รับแจกพระ ชอบมาก ชอบตอนเขาแจกพระ อย่าง “หลวงพ่อทวด” เนี่ย สมัยก่อนเจ้าอาวาสท่านแจกกันเป็นกำๆ... เด็กๆ ก็สนุก พอมีงานวัดทีก็ไปช่วยที ชอบสะสมพระ พอมาเมืองนอกก็เอามาไม่ได้ต้องทิ้งไว้ที่บ้าน นานปีเข้าพอจะกลับไปเอาก็น้ำท่วมชะไปหมดแล้ว...
...แต่พอมาอยู่อเมริกาก็ได้มาอีก ได้มาก็เพราะช่วยงานวัดต่างๆ ก็สะสมใหม่ แถม ไพสันติ์ พรหมน้อย (อดีตเจ้าของหนังสือพิมพ์เอเชียนแปซิฟิก) ก็ให้ไว้อีกกระเป๋า ตอนนี้มีเต็มห้องไปหมด ก็แจกต่อกันไปให้เพื่อนๆ คนไหนเปิดร้าน หรือวันเกิดก็แจกไป
...สมัยก่อนเลิกงานกลับบ้านมาต้องมานั่งชื่นชมพระเครื่อง สะสมไว้เยอะมาก มีทั้งพระนางพญา พระสมเด็จ แล้วก็พระสุโขทัยอีกองค์ นี่ก็กะว่าเดือนหน้าจะมีกฐินพระราชทานจากรัชกาลที่ 10 ทรงโปรดเกล้าฯให้ที่วัดพระธาตุดอยฯ ท่านเจ้าคุณจากวัดมหาธาตุท่านจะมาด้วย จะให้ท่านดูสักหน่อย ว่าถ้าปล่อยแล้วได้จะสักเท่าไหร่ จะได้นำเงินมาถวายวัด ทำประโยชน์ต่อไป...”
ในงานกฐินพระราชทาน วันอาทิตย์ที่ 3 พศจิกายน นี้ ที่วัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ เขาฝากบอกบุญงานกฐินมาด้วย และสำหรับท่านที่มีความประสงค์จะออกโรงทาน กรุณาติดต่อสอบถามทางวัดได้ที่ 909-606-9502 วัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ อยู่เลขที่ 2948 ชิโน่ ฮิลล์ พาร์ค เวย์ เมืองชิโน่ ฮิลลส์ 91709
ส่วน “เคล็ดลับ” ความสุขชีวิตหลังเกษียณของเขานั้น “อาจารย์แว่น” ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะอนุรักษ์ความเป็นไทย วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย อย่างต่อเนื่อง
“...ด้วยโครงสร้างของประเทศ มีชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่แล้วนะครับ คนไทยที่นี่ที่ทำได้ดีที่สุดก็คือรักษาความเป็นไทยอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นที่ยอมรับของต่างชาติ ไม่ว่าจะเป็น จริยธรรมก็ดี จารีตประเพณี ก็ดี ชีวิตที่เกษียณแล้ว ถ้ามีโอกาสก็เป็นเรื่องน่าทำ...อย่างของพี่นี่ชีวิตเริ่มต้นที่อเมริกา สิ่งที่ประทับใจก็คือวัดไทยฯ...
...จำได้ว่า เขาว่ากันว่า ถ้าจะหาใครสักคน หาญาติ หรือหาเพื่อน ถ้าไปวัดไทยฯก็จะพบคนที่เราต้องการ แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือพอไปแล้วก็เจอเพื่อนและอาจารย์ที่สอนกันมาจากเมืองไทย แถมยังเจอลูกศิษย์ที่เคยสอนที่เมืองไทยด้วย...ตั้งแต่นั้นคนเลยเรียกพี่ “อาจารย์แว่น” เลย เพราะ ตอนอยู่เมืองไทย พี่สอนเขียนแบบ “ดรอว์อิ้ง แมชีน” ความจริงพี่จบ “ออโต้ แมคคานิค” นะ แต่เขียนแบบเก่ง เลยได้สอนดรออิ้ง...
...ตลกดีนะ พออยู่ไปนานๆ ก็ถูกขนานนามว่า “กำนันแว่น” เพราะความที่ไม่ว่าใครจะมีเรื่องทุกข์ร้อนอะไร ก็วิ่งมาหาพี่ ดึกดื่นค่อนคืนแค่ไหนก็วิ่งไปช่วยเขาแก้ปัญหา ใครทะเลาะเบาะแว้งกัน ก็ไปไกล่เกลี่ยให้...เลยได้ฉายานี้มา...จะว่าไปชีวิตพี่ก็มีปาฏิหาริย์เหมือนกันนะ...”
วัชรินทร์ จิตณาธรรม แถมเรื่อง “ความผกผัน” ชีวิตของตัวเองให้อีกเรื่องก่อนจบบท
“...คือตอนนั้นวีซ่าหมดล้ว เลยเข้าไปกราบหลวงพ่อแก้วที่วัดไทยฯ ขอให้ท่านช่วย อธิษฐานแบบซีเรียสเลย บอกว่า...มาตรแม้นว่าลูกจะได้อยู่ทนุบำรุงพระศาสนาในต่างประเทศแล้วไซร้ ก็ขอให้วีซ่าผ่าน ขอให้เกิดขึ้นภายใน 90 วัน ถ้านานกว่านั้นแบบ 3 ปี 5 ปี ไม่เอานะหลวงพ่อ...ปรากฎว่าภายใน 28 วัน อิมมิเกรชั่นเรียกไปสัมภาษณ์ ก็ได้อยู่ถูกต้องตามกฎหมาย ก็เป็นบุญวาสนาที่ตั้งใจ...”
หลังจากชีวิตสมบูรณ์ขึ้นตามลำดับ มีศรีภรรยา รัตนา จิตณาธรรม มา “อุ่นเรือน” แล้ว เขาก็ได้ นางฟ้า “แอนเจิ้ล” ลูกสาวที่น่ารักมาช่วยเพิ่มพลังใจในการสร้างเนื้อสร้างตัว...จาก “อาจารย์แว่น” เขากลายเป็น “นายกแว่น” ของสมาคมปักษ์ใต้แห่งแคลิฟอร์เนียเมื่อปี 1996 ผลงานช่วงนั้นเขาส่งเงินจากการขายอาหารในร้าน “ข้าวต้มฮอลลีวูด” ทั้งคืน ไปช่วยอุทกภัยที่ภาคใต้ แลกได้เป็นเงินแสนบาทไทย
จากนั้นเป็นตัวตั้งตัวตีประกาศรับบริจาคของ “มือสอง” เพื่อส่งไปภาคเหนือและภาคอีสาน ช่วยบรรเทาทุกข์เนื่องจากวิกฤติอากาศหนาวเย็น ครั้งนั้นทางกองทัพเรือส่งทหารเรือเป็นตัวแทนมาซื้อเรือรบที่ท่าเรือง เมืองซาน ดิเอโก้ เมื่อศึกษาวิธีบังคับเรือเสร็จสิ้น “อาจารย์แว่น” ก็ฝากของติดเรือรบกลับไปด้วย ในทีแรกเขาคิดว่าจะได้สักสองคันรถ ปรากฎว่าพี่น้องไทยในแอล.เอ.ช่วยกันคนละไม้ละมือ นับได้สิบคันรถทรัคเลยทีเดียว
“...พอมาถึงวัยเกษียณ พี่ก็อยากตอบแทนที่ได้ในสิ่งที่ขอกับหลวงพ่อแก้วมา ทำให้ชีวิตมีค่า ได้ทำงาน ทำบุญทำกุศล สิ่งที่ทำมานี่แหละที่ภูมิใจ และที่ภูมิใจมากๆ ก็คือ พี่ได้มีส่วนช่วยทางซิตี้ด้วยตอนตั้งไทยทาวน์ แล้วก็ที่ปลื้มปิติอีกงานก็คือตอนขายอาหารทั้งวันทั้งคืน ได้เงินมาสองพันสองร้อยเหรียญ ก็บริจาคให้วัดพระธาตุฯ ได้เทปูน จากที่พักสงฆ์ ไปสู่โบสถ์ แล้วก็อีกทีหนึ่ง จัดงานได้เงินมาหนึ่งหมื่นแปดพันหกร้อยเหรียญ เป็นงานพิธีบวงสรวงพระราหูแล้วก็ครั้งที่สาม จัดโบว์ลิ่งการกุศล ได้เงินมาหกพันเหรียญถ้วน ให้วัดพระธาตุดอยสุเทพ ยูเอสเอ หมดเลย ทุกครั้งไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น...”
จากการปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้มีเพื่อนฝูงมากมาย เป็นที่ยอมรับอย่างน่ายินดีในสังคม...และที่งานใดก็แล้วแต่ประสบความสำเร็จมาได้ ไม่ใช่แค่เขาเป็นคน “ททท.” (ทำทันที) เท่านั้น แต่เพราะมีกัลยาณมิตรที่ดีคอยส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่ด้วย
เหมือนสุภาษิตบทหนึ่ง ที่บอกว่า ...นกไม่มีขน คนไม่มีเพื่อน...เคลื่อนขึ้นสู่ที่สูงยาก.